
หนังสือเล่มใหม่ของ Kotler
หากไม่พูดถึงดูจะตกยุค
ในหนังสือเล่มใหม่นี้ได้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงทาง สภาพแวดล้อมธุรกิจ โดยเฉพาะยุค อินเทอร์เน็ตและ สื่อเครือข่ายทางสังคมที่เรียก Social Network ทำให้การตลาดต้องเปลี่ยนแปลงให้ทันกัน โดย Kotler และ เฮอร์มา วรรณ ได้สรุป แนวทางการตลาดเป็นยุค 3 ยุคคือ
- Marketing 1.0 ว่าด้วย ยุทธวิธีและแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์Product Development คือหาผลิตภัณฑ์มาตอบสนองตลาด และใช้ 4Ps คือ Product Price Place Promotion เป็นท่าร่างพื้นฐานในการทำให้ลูกค้าซื้อหรือกระตุ้นตลาด ยุคนี้เป็นยุคทองของผู้ผลิต ผู้ขาย คุณค่าที่เน้นคือ Functional Value
- Marketing 2.0 การตลาดได้เน้นด้านยุทธการ คือ STP Segmentation คือการแบ่งตลาดเป็นส่วนๆ Targeting แล้วเลือกชิ้นปลามันเป็นเป้าหมายตลาด สุดท้ายคือการวางตำแหน่งครองใจลูกค้า Positioning ด้วยการหาจุดเด่นมาเป็นจุดจูงใจลูกค้าการวางตำแหน่งในสมองลูกค้าMinds เช่น Volvo = Safety Benze = หรูหราและรวย ตอนปลายยุคนี้ได้มีการ ยึดหัวใจลูกค้าด้วย CRM Customer Relationship Marketing CEM Customer Experience Management Lovemarks ดูบทความที่แล้ว เพื่อยึดหัวใจลูกค้าให้ได้Heart ตอนปลายยุคนี้ได้เกิดSocial Media ที่ทำให้เกิดเครือข่ายของลูกค้า ที่เชื่อใจกันเองมากกว่าเชื่อใจ แบรนด์หรือบริษัท ทำให้เริ่มเกิด CSR Corporate Social Responsibility แต่ก็เป็นในแง่PR แก้ต่าง เช่น บริษัทใน มาบตามพุต ที่ทำให้เกิดปัญหากับชุมชนแล้วก็ต้องนำCSR มาใช้ แก้ต่าง เพื่อให้ดูเป็นคนดีของสังคม แต่ก็เป็น CSR ที่ไม่ได้หวังผลยั้งยืนให้เกิดขึ้นกับสังคม คุณค่าที่เน้นเพิ่มในยุคนี้คือ Emotional Value นอกจาก Functional
- Marketing 3.0 เป็นการตลาดเน้นยุทธศาสตร์ โดย Kotler เชื่อว่าการทำให้บริษัท รับผิดชอบต่อส่วนรวมและสังคม ทั้งในแง่ การขจัดความยากจน การช่วยเหลือสังคม การรักษาสิ่งแวดล้อม การคงอยู่ซึ่งวัฒนธรรมของชาติ ต้องไม่เป็น แค่สโลแกนที่สวยหรู แต่ต้องฝังหยั่งลึกในรากเหง้าของบริษัทหรือ DNA ผ่าน Corporate Mission Vision Value ที่บริษัทต้องจริงใจจริงจังในการทำแบบยั่งยืน ซึ่งจะทำให้ตอบสนองต่อ จิตวิญญาน ของลูกค้าได้อย่างแท้จริง การตลาดจะไม่แค่มุ่งเน้น การวางตำแหน่งในMind ผู้บริโภค หรือการผูกใจ Heart ผู้บริโภค แต่ต้องเข้าไปถึงจิตวิญญาน Spirit จนเกิดเป็นลัทธิ หรือสถาบัน การตลาดไม่ได้อยู่แค่ Content แต่ต้องมีContext ที่ดีเป็นเครือข่ายกัน ตั้งแต่ ผู้ป้อนวัตถุดิบ ลูกจ้างหรือพนักงาน คู่ค้า พันธมิตรช่องทางจำหน่ายต่างๆ จนถึงผู้ถือหุ้น จึงจะสร้าง Value ใหม่ได้ SBE Social Business Enterprise คือบริษัทที่มุ่งหวัง แก้ไขปัญหา สังคมที่ยุ่งเหยิงมีแต่ความขัดแย้ง แก้ปัญหาความยากจน และความเสื่อมโทรมของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำให้ชีวิตประจำวันของคนดีขึ้น ผ่านพันธกิจ วิสัยทัศน์ และค่านิยมของบริษัท คุณค่าที่เน้น ในยุคนี้คือ Spiritual Value & Creative Value ให้กับลูกค้า นอกจาก Emotional & Fuctional Value
สำหรับ Marketing 3.0 หากท่านสนใจชุดศึกษาเพื่อนำไปใช้งาน คลิก Marketing 3.0 Perfectชุดศึกษาด้วยตนเองครับ ไว้พบกันฉบับหน้าครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น