Digital Marketing 4.0

Digital Marketing  4.0
กลยุทธ์และ ไอเดียใหม่ เพื่อสร้างความภักดีลูกค้าในยุค Marketing5.0

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554

การพัฒนากลยุทธ์การตลาด สู่ Marketing 3.0

การพัฒนากลยุทธ์ตลาด สู่ Marketing3.0

การพัฒนากลยุทธ์ตลาด จากยุค1.0 ถึงยุค 3.0  มิได้หมายความว่าเรายกเลิกสิ่งที่เราเรียนรู้จากยุคการตลาด1.0 หรือ 2.0 ไปเลย  ในการบรรยายที่สุราษฏร์ให้ ลูกค้า  K SMEs  นั้น ผมสรุป บทเรียนทางการตลาดจากยุค 1.0  ถึง ยุค 3.0  ดังนี้

  1. ยุค 1.0  ยุคที่ศูนย์กลางอยู่ที่ ผลิตภัณฑ์ เราเรียนรู้ว่า เราต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างจากคนอื่น มีจุดขายชัดเจน  เป็นยุคของการวางตำแหน่งสินค้า กำหนดกลยุทธ์ตลาดด้วย 4 PS  พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้องมีคุณภาพ มีฟังก์ชั่นที่ดี    ตั้งราคาให้ถูกต้อง  หาช่องทางขายให้ถูกกับผลิตภัณฑ์และลูกค้า  ทำการสื่อสารไปหาลูกค้าว่าของเราดีอย่างไร    ล่อใจลูกค้าด้วยโปรโมชั่น   สูตรสำเร็จคือ  การเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายและช่องทางจำหน่ายให้ครอบคลุมได้ 80%   ให้เข้าเห็นเราอย่างน้อย 8 ครั้ง ผ่านทุกช่องทางการสื่อสาร และสร้างผลกระทบ การขาย ด้วยการให้ทดลองผลิตภัณฑ์ และ โปรโมชั่นจัดรายการ กระตุ้นการขาย   ผลิตภัณฑ์จะรู้ว่าติดตลาดหรือไม่ใน 3  เดือน   สูตรสำเร็จในยุคนี้คือ RFI Reach    Frequency    Impact   นำไปสู่ยอดขายผลิตภัณฑ์คือตัวชี้วัดสุดท้าย    ที่เรียก Output  ความสัมพันธ์ในยุคนี้เป็นแบบ One to Many  ผู้ผลิตรายเดียว ติดต่อกับลูกค้าได้หลายราย 
  2. ยุค2.0  ยุคที่ศูนย์กลางอยู่ที่   ลูกค้า เน้นเอาใจเพื่อซื้อใจลูกค้า  เราเรียนรู้การบริหารลูกค้า ด้วย การรู้ว่าลูกค้าเป็นใคร เขาชอบอะไร    สร้างความสัมพันธ์หรือเอาใจลูกค้าได้อย่างไร  และ บริหารความผูกพันธ์กับลูกค้าเพื่อให้ได้กำไร  ตัวชี้วัดความสำเร็จคือกำไร    เครื่องมือที่ใช้คือ  CRM  Customer Relationship  Management     มุ่งหวังให้ลูกค้าแต่ละรายมีมูลค่าหัวสูงสุด      CEM   Customer Experience Management  หรือ  Experiential  Marketing  คือการบริหารประสบการณ์ลูกค้า   เพราะเชื่อว่าทุกครั้งที่ลูกค้าเห็นเรา ติดต่อกับเรา ทุกจุดสัมผัสระหว่างเรากับลูกค้าContact Points จะทำอย่างไรให้ลูกค้าพอใจ มีประสบการณ์เป็นบวก  ทุกครั้ง   ตั้งแต่ให้ลูกค้าเกิดประสบการณ์สร้างบรรยาการและอารมณ์ ผ่าน อายตนะทั้ง5 เรียก5 Senses Marketing    ให้ลูกค้าได้ทดลองTryvertising  จนเกิดความสัมพันธ์ที่ดี   และเกิดความภักดีในที่สุด   ตัวชี้วัดยุคนี้คือ   RFM    Recency  Frequency  Monetary   ที่วัดมูลค่าหัวของลูกค้าแต่ละรายในฐานลูกค้าแบบ  ตลอดชีพ   LTV  Lifetime value of Customer   ที่เรียก outcome ทุกอย่างจะ Customized  และPersonalized ให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละราย   ดังนั้นผู้ผลิตหรือผู้ให้บริการรายเดียวไม่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้จึงต้องรวมกันตอบโจทย์ลูกค้าที่เรียกว่าSolution ครับ   ความสัมพันธ์เป็นแบบMany to One    หรือ  One to One หาก ผู้ผลิตรายเดียวสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายเฉพาะรายของลูกค้าแต่ละคน 
  3. ยุค3.0   เป็นยุคที่ศูนย์กลางอยู่ที่ความร่วมกันของสังคม  ประชาสังคม    ยุคนี้เน้นที่จิตวิญญาน หรือการสร้างลัทธิ  โดย แบรนด์ทำหน้าที่เป็นแค่ ผู้สนับสนุน  และไม่สามารถควบคุมทุกมิติได้  ยกเว้นฝั่ง คุณค่าที่บริษัทเน้น แบรนด์เน้น ให้กับ พนักงานทุกคน   ผู้บริหารทุกคน  ผู้ถือหุ้น  เจ้าของ  เมื่อภายในมีจิตวิญญานที่เน้นคุณค่า  ที่ทำตนให้เป็นประโยชน์ และไม่ทำลาย  
    1. สังคมหรือมวลชน   People   เช่น ศูนย์การเรียนรู้   การอบรม   การให้ความรู้ขับขี่ปลอดภัย หรือ  Good Net เครือข่ายร้านอินเทอร์เน็ตสีขาว     การทำ CSR  Corporate Social Responsibility   
    2. สิ่งแวดล้อม Planet  ตัวอย่างเช่น Eco Tourism    Credit Carbon    ไม่เป็นพิษหรือทำลายสิ่งแวดล้อม    Green Marketing     ชมรมรักษ์อ่าวไทยโดยกลุ่มธุรกิจโรงแรมอ่าวไทย  การท่องเที่ยวที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม      กลุ่มเก็บขยะชายหาด   กลุ่มเก็บขยะใต้ทะเลจากนักประดาน้ำ   ความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับ ลูกค้าจะเป็นแบบ Many to One ผู้ประกอบการหลายรายมารวมตัวกันเป็น Solution ให้กับลูกค้าแต่ละราย
    3. กำไร  Profit คือสิ่งที่จะตามมาเป็นผลกำไรที่ยั่งยืน ในที่นี้ไม่ได้หมายความเฉพาะ บริษัท แต่หมายถึงกำไรทุกภาคส่วน ที่เกี่ยวข้อง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย  Stakeholders    เช่น Micro Finance โดยธนาคารICICI Bank ที่อินเดีย   ที่ให้ความช่วยเหลือ สร้างกลุ่มช่วยเหลือตัวเองแก่ผู้ยากไร้ในอินเดีย SHGs Self Help Groups    กลุ่มShakati กองทัพขายมดของ ลีเวอร์อินเดีย ที่ลีเวอร์ดูแล  สอนการขาย การดูแลเงิน  การค้าให้ จนตั้งไข่ได้  จากแม่บ้านในหมู่บ้านต่างๆในชนบท    
ยุคนี้ทุกภาคส่วนจะทำกิจกรรมอะไร ต้องคำนึงถึงปลายทางว่าจะมีผลกระทบอะไร   Impact ที่มีต่อ สังคม  สภาพแวดล้อม  และ  เศรษฐกิจ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง    ลูกค้า   ผู้ผลิตและให้บริการล้วนมีเครือข่ายทั้งสิ้นและเครือข่ายทางสังคม นี้  Social Network  จะมีทั้งในรูปแบบFormal ชมรม สมาคม  สหพันธ์ สมาพันธ์    หรือไม่เป็นทางการในรูปแบบในอินเทอร์เน็ต เช่น Wikepidia  Facebook   Twitter    Hi-5    Blog  Wordpress  Cloud  service   Location Based Marketing เช่น  Four Square    เครือข่ายเหล่านี้ เป็นทั้งเนื้อหาContent และ บริบท Context  การสื่อสารมีทั้งรับและตอบกลับให้ความเห็น วิพากวิจารณ์  ซึ่งเราจะไม่สามารถควบคุมได้เลย   ได้แต่เป็นผู้สนับสนุนด้วยความจริงใจและ รับผิดชอบพนักงานทุกคนในบริษัทก็จะเขาไปมีส่วนร่วมในการให้ความเห็นพูดคุย   สร้างเครือข่ายกันเอง และ สร้างเครือข่ายกับลูกค้า และผู้เกี่ยวข้อง  พันธมิตรเครือข่าย  ผู้ลงทุนใน ตลาดหลักทรัพย์   ความสัมพันธ์ในยุคนี้จะเป็นแบบ หลายๆภาคส่วน ฝั่งต้นน้ำ  มีกับหลายๆส่วนในกลางน้ำ  กับหลายๆส่วนในปลาย น้ำ  ที่เรียก Many to Many
        สำหรับ Marketing 3.0  หากท่านสนใจชุดศึกษาเพื่อนำไปใช้งาน คลิก Marketing 3.0 Perfectชุดอบรมกันเองภายใน  Flexible In-house  ประกอบด้วย กลยุทธ์การตลาดยุค 3.0  เพิ่มตัวอย่างการใช้งานของธุรกิจ และ Workshop คลิกดูได้ที่นี่  Marketing 3.0 Perfect Flexible In-house ไว้พบกันฉบับหน้าครับ
hostgator coupon