Digital Marketing 4.0

Digital Marketing  4.0
กลยุทธ์และ ไอเดียใหม่ เพื่อสร้างความภักดีลูกค้าในยุค Marketing5.0

วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Marketing 3.0 > Digital Marketing


Marketing3.0 > Keynote Speech on Digital Marketing 3.0  ตอนที่ 1



เนื้อหาสรุปที่ผมได้ไปบรรยาย เรื่อง Digital Marketing 3.0 ที่ Softwarepark  ผมได้พูดถึงการพัฒนาการด้านกลยุทธ์การตลาด ได้เคลื่อนตัวจากยุคที่หนึ่งที่เน้นการเข้าถึง โดยการสร้างความรู้จักหรือให้คนได้จดจำแบรนด์ด้วยสื่อวงกว้าง หรืออัตลักษณ์ Identity และการเข้าสู่ยุคสองคือการสร้างให้คนรักแบรนด์ด้วย ภาพลักษณ์ และ CRM   ทั้ง สองยุคได้มีการใช้สื่อ Outbound Marketing หรือสื่อยิ่งออกไปที่เป้าหมายตลาด ที่เป็นลูกค้าเรา  เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าเราด้วย แนวคิด Big bang & Bombard    แบบห่ากระสุนปืนใหญ่ และการทิ้งบ๊อมจากเครื่องบิน     โดยต้องเข้าถึงลูกค้าเป้าหมาย 80%   ความถี่ในการพบเห็นไม่น้อยกว่า 4  ครั้งสร้างภาพลักษณ์ที่ต้องการให้ลูกค้าเคลิ้มเห็นตามที่ต้องการ Image   และก็เริ่มจับยึดกลุ่มลูกค้ามาสู่ฐานข้อมูลลูกค้าแล้วก็ทำ ความสัมพันธ์กับลูกค้าด้วย CRM   โดยต้องทำ Micro Segment  กับลูกค้าในฐาน  CRM ที่ศัพท์ทางเทคนิคเรียก Filter แล้วก็ส่งข่าวสารหรือสื่อสารการตลาดออกไปเป็นชุดๆ หรือ Seriesโดยหวังว่าจะค่อยๆกล่อมเกลาล้างสมองลูกค้าได้ และทำให้เกิดความภักดีในที่สุด     ในยุค 3.0 มีปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคือกระแสสังคม ที่เริ่มก่อตัวเกาะกันติดเป็นกลุ่มก้อน และมีอิทธิพลสูง ทำให้เกิดกลุ่มประชาสังคม และ Social Network ทั้งในระบบ ออนไลน์ Online ออฟไลน์ Offline  ทำให้ธุรกิจต้องมีความรับผิดชอบ และ รู้จักใช้กระแสสังคม ในการทำให้เกิดการแพร่กระจายข่าวสาร และคุณค่าดี Value ของแบรนด์หรือธุรกิจออกไป Viral Marketing ที่เรียกว่ามีสาวก หรือกลุ่มเครือข่ายแฟนพันธุ์แท้     ทีี่เรียกว่า สิริลักษณ์  Integrity    ความแตกต่างของยุค 3.0  มีประเด็นสำคัญคือ

  1.  จากOutbound Marketing  มาใช้  Inbound Marketing มากขึ้นหรือ  เป็นการเปลี่ยนแปลงการทำตลาดจาก ส่งออกหรือยิงปืนใหญ่ออก  เป็นนำเข้า หรือ การทำให้ลูกค้า ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหาเราพบ ไม่ว่าจะจาก Search Engine เช่น Google Social network  Facebook Twitter  Linkedin G+ Blog เช่น Blogger  Wordpress  เป็นต้น   
  2. จาก Offline Marketing มาใช้ Online Marketing มากขึ้น   ดังเห็นได้จากแนวโน้มการทำการตลาดของ SMEs สหรัฐว่า กว่า 70% งบประมาณมาลงที่ Digital Marketing  และงบอุตสาหกรรมโฆษณาประชาสัมพันธ์ภาพรวมก็มีสัดส่วนของ Digital Marketing มากขึ้นเรื่อยๆ ถึง 26%   ดังภาพ
  3.  การวัดผลและการติดต่อลูกค้าเป็นแบบทันควัน Real-time  ดัังนั้น เราสามารถรู้ผลการตอบรับ หรือผลการตอบสนองของลูกค้ากับ กิจกรรมการตลาด ทันที  และเราสามารถปรับกลยุทธ์ตลาดได้ทันที  ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา Content  คำหลัก Keywords   Offer ข้อเสนอจูงใจ  และ แบบฟอร์มที่ให้ลูกค้ากรอก เพื่อสร้าง leads   หรือกลุ่มคนสนใจลูกค้า  เราจึงปรับกลยุทธ์การตลาด ไม่ว่าเป็น Search Optimization   Response Optimization   หรือ Leads Optimization  หรือ Closed Sales Optimization  แล้วแต่เราต้องการ ว่าเราต้องการ Optimization หรือการทำให้ดีที่สุด สมดุลที่สุด ตามขบวนการตัดสินใจซื้อของลูกค้า จาก แค่รู้จักในสมอง Head  เกิด Engagement ชอบ  ติดตาม เรา  ให้ข้อคิดเรา Comment  เกิดความรักแบรนด์เราในหัวใจ Heart     เป็น Lead  เป็นOpportunity  และ เกิดการซื้อเรา Sales หรือเกิดปฏิสัมพันธ์กับเรา  Hand   และเกิดการบริโภค ข่าวสารและ ผลิตภัณฑ์ แบรนด์เรา ซ้ำๆ ที่เรียกว่า Closed Loop คือวงจรปิด ลูกค้าไม่ไปไหน  จนเป็นลัทธิ ที่เรียก Human Spirit  
      ส่วนกลยุทธ์ การตลาดออน์ไลน์  ว่าด้วยเรื่อง POST  คือการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย  ตั้งวัตถุประสงค์ และการวางกลยุทธ์ จึงจะเลือกใช้เทคโนโลยี่ที่เหมาะสม   นั้นสามารถหาอ่านได้ จาก ลิงก์    Marketing 3.0>Online Marketing ภาค 3   ในบทความเดิมที่ผลเขียนไว้ครับ  ใครต้องการ Handout เอกสารแจก สำหรับผู้เข้าฟัง ครับคลิกได้ตามลิงก์ครับ  Digital marketing 3.0 Handbook

                              

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

hostgator coupon