Marketing3.0 > Keynote Speech on Digital Marketing 3.0 ตอนที่ 1
เนื้อหาสรุปที่ผมได้ไปบรรยาย เรื่อง Digital Marketing 3.0 ที่ Softwarepark ผมได้พูดถึงการพัฒนาการด้านกลยุทธ์การตลาด ได้เคลื่อนตัวจากยุคที่หนึ่งที่เน้นการเข้าถึง โดยการสร้างความรู้จักหรือให้คนได้จดจำแบรนด์ด้วยสื่อวงกว้าง หรืออัตลักษณ์ Identity และการเข้าสู่ยุคสองคือการสร้างให้คนรักแบรนด์ด้วย ภาพลักษณ์ และ CRM ทั้ง สองยุคได้มีการใช้สื่อ Outbound Marketing หรือสื่อยิ่งออกไปที่เป้าหมายตลาด ที่เป็นลูกค้าเรา เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าเราด้วย แนวคิด Big bang & Bombard แบบห่ากระสุนปืนใหญ่ และการทิ้งบ๊อมจากเครื่องบิน โดยต้องเข้าถึงลูกค้าเป้าหมาย 80% ความถี่ในการพบเห็นไม่น้อยกว่า 4 ครั้งสร้างภาพลักษณ์ที่ต้องการให้ลูกค้าเคลิ้มเห็นตามที่ต้องการ Image และก็เริ่มจับยึดกลุ่มลูกค้ามาสู่ฐานข้อมูลลูกค้าแล้วก็ทำ ความสัมพันธ์กับลูกค้าด้วย CRM โดยต้องทำ Micro Segment กับลูกค้าในฐาน CRM ที่ศัพท์ทางเทคนิคเรียก Filter แล้วก็ส่งข่าวสารหรือสื่อสารการตลาดออกไปเป็นชุดๆ หรือ Seriesโดยหวังว่าจะค่อยๆกล่อมเกลาล้างสมองลูกค้าได้ และทำให้เกิดความภักดีในที่สุด ในยุค 3.0 มีปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคือกระแสสังคม ที่เริ่มก่อตัวเกาะกันติดเป็นกลุ่มก้อน และมีอิทธิพลสูง ทำให้เกิดกลุ่มประชาสังคม และ Social Network ทั้งในระบบ ออนไลน์ Online ออฟไลน์ Offline ทำให้ธุรกิจต้องมีความรับผิดชอบ และ รู้จักใช้กระแสสังคม ในการทำให้เกิดการแพร่กระจายข่าวสาร และคุณค่าดี Value ของแบรนด์หรือธุรกิจออกไป Viral Marketing ที่เรียกว่ามีสาวก หรือกลุ่มเครือข่ายแฟนพันธุ์แท้ ทีี่เรียกว่า สิริลักษณ์ Integrity ความแตกต่างของยุค 3.0 มีประเด็นสำคัญคือ

- จากOutbound Marketing มาใช้ Inbound Marketing มากขึ้นหรือ เป็นการเปลี่ยนแปลงการทำตลาดจาก ส่งออกหรือยิงปืนใหญ่ออก เป็นนำเข้า หรือ การทำให้ลูกค้า ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหาเราพบ ไม่ว่าจะจาก Search Engine เช่น Google Social network Facebook Twitter Linkedin G+ Blog เช่น Blogger Wordpress เป็นต้น
- จาก Offline Marketing มาใช้ Online Marketing มากขึ้น ดังเห็นได้จากแนวโน้มการทำการตลาดของ SMEs สหรัฐว่า กว่า 70% งบประมาณมาลงที่ Digital Marketing และงบอุตสาหกรรมโฆษณาประชาสัมพันธ์ภาพรวมก็มีสัดส่วนของ Digital Marketing มากขึ้นเรื่อยๆ ถึง 26% ดังภาพ
- การวัดผลและการติดต่อลูกค้าเป็นแบบทันควัน Real-time ดัังนั้น เราสามารถรู้ผลการตอบรับ หรือผลการตอบสนองของลูกค้ากับ กิจกรรมการตลาด ทันที และเราสามารถปรับกลยุทธ์ตลาดได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา Content คำหลัก Keywords Offer ข้อเสนอจูงใจ และ แบบฟอร์มที่ให้ลูกค้ากรอก เพื่อสร้าง leads หรือกลุ่มคนสนใจลูกค้า เราจึงปรับกลยุทธ์การตลาด ไม่ว่าเป็น Search Optimization Response Optimization หรือ Leads Optimization หรือ Closed Sales Optimization แล้วแต่เราต้องการ ว่าเราต้องการ Optimization หรือการทำให้ดีที่สุด สมดุลที่สุด ตามขบวนการตัดสินใจซื้อของลูกค้า จาก แค่รู้จักในสมอง Head เกิด Engagement ชอบ ติดตาม เรา ให้ข้อคิดเรา Comment เกิดความรักแบรนด์เราในหัวใจ Heart เป็น Lead เป็นOpportunity และ เกิดการซื้อเรา Sales หรือเกิดปฏิสัมพันธ์กับเรา Hand และเกิดการบริโภค ข่าวสารและ ผลิตภัณฑ์ แบรนด์เรา ซ้ำๆ ที่เรียกว่า Closed Loop คือวงจรปิด ลูกค้าไม่ไปไหน จนเป็นลัทธิ ที่เรียก Human Spirit
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น