Digital Marketing 4.0

Digital Marketing  4.0
กลยุทธ์และ ไอเดียใหม่ เพื่อสร้างความภักดีลูกค้าในยุค Marketing5.0

วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Brand Experience Marketing3.0

Marketing 3.0 > Brand Experience Marketing


ฉบับนี้ ว่าด้วยเรื่องการสร้างแบรนด์ด้วยประสบการณ์ครับ โดยจะเกรินถึงแนวคิด และการนำไปใช้ในยุคการตลาด3.0 
Total Brand Experience คือการสร้างประสบการณ์ที่ดีจากแบรนด์สู่ผู้บริโภคหรือลูกค้า  การสร้างแบรนด์คงมีได้แค่หมายถึงสร้างภาพ ให้คนจดจำอัตลักษณ์ แบรนด์ สโลแกน และใฝ่ฝันอยากได้แบรนด์ ที่เรียกว่าของเข้าตัวอย่างเดียว ยังหมายถึง ทุกจุดสัมผัสระหว่างแบรนด์กับลูกค้าตั้งแต่ ก่อนการซื้อ  Experiential Marketing ผ่านโฆษณา  ประชาสัมพันธ์  อีเวนท์   สื่อออน์ไลน์    จนถึงขณะซื้อ ที่ผ่าน  อายตนะ หรือสัมผัสทั้ง 5  5 Sense Marketing ณจุดขาย Offline คือหน้าร้าน และ Online คือ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์     และเมื่อเกิดการซื้อขายจริงแล้ว ขบวนการสร้างและบริหารความสัมพันธ์และประสบการณ์ เพื่อให้เกิดกระแสความภักดี และชุมชนคนรักแบรนด์  ดังภาพ  การสร้างแบรนด์จึงมิได้หมายแค่  Rebranding ด้วยแค่เปลี่ยนชื่อ สีสัน  โลโก้  และ สโลแกน Tag line ที่ไปกับแบรนด์  และ การสื่อสารผ่านสื่อเท่านั้น แต่เป็นตลอดขบวนการซื้อหรือตัดสินใจจนเป็นวงจรกลับมาซื้อใหม่ด้วยการเสริมตอกย้ำประสบการณ์เชิงบวกทุกจุดสัมผัสระหว่างแบรนด์กับลูกค้า กระชับความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และลูกค้าแน่นแฟ้น จนเป็นสาวก และลัทธิ  ดังนักการตลาดคนอังกฤษชื่อ  John Gatt เคยกล่าวเรื่องแบรนด์ได้สะใจผมมากๆว่า   Brand is the innovative Idea that Customers Live by   นวัตกรรมความคิดแปลกใหม่ที่ทำให้ลูกค้าอยู่กับมัน อยู่ได้ด้วยมัน นั้นคือความหมายของแบรนด์ที่แท้จริงครับ
ในยุค3.0 นั้น ความแตกต่างของการสร้างประสบการณ์แบรนด์คือ ผู้บริโภคจะมีส่วนร่วมมากขึ้น  ในการเข้าร่วม ทั้งผ่าน  Crowd Sourcing  ไม่ว่าจะมาช่วย ให้ความคิดเห็น  ช่วยออกแบบ  มาร่วมประกวดแข่งขัน  มาช่วยวิจารณ์ให้คะแนน  ซึ่งประสบการณ์แบรด์ 
1)ก่อนขายนั้น   ไม่ใช้่เป็นแบบ  Campaign  เหมือนครั้งก่อนกรุงศรีอยุธยา  ที่การตลาดจะเน้นเป็นแคมเปญ หรือเป็นจรวดมิซซายด์  ยิงออกไป เป็นรอบๆ  แต่จะเป็นแบบ   Real-time และต่อเนื่อง ผ่านทุกแผนกของบริษัท   พนักงานขายทุกคน  พนักงานบริการ    Hotline ตอบสายด่วน  
2)ขณะขายนั้น   ประสบการณ์ เกิดจากประสาทสัมผัสทั้งห้า ผ่านทั้ง Offline   Online คือ   E commerce  Mcommerce  Location Based Marketing   เช่นลูกค้าไปทดลองผลิตภัณฑ์ที่ หน้าร้าน ห้างฯ   แต่เช็คข้อมูลว่า ห้างฯไหนจัดรายการและขายถูกที่สุด เพราะลูกค้าไม่อยากโง่จ่ายแพงกว่าทำไม     การเช็คข้อมูลจะเช็คผ่านมือถือขณะช็อปดูของอยู่ก็ได้    กด QR code เข้าดู  หรือ ผ่าน Check-in Apps ที่จะบอกว่าทางร้านมีจัดรายการหรือไม่   สต๊อคมีที่สาขาไหน   ดูข้อมูลวิพากวิจารณ์ลูกค้ารายอื่นๆ ใน Facebook    แม้ขณะทานอาหารในร้านลูกค้าก็จะเข้า Foursquare ว่ามีใครแนะนำเมนูเด่นตัวไหนกันบ้าง  วิจารณ์การให้บริการทางร้านทันที Real time   บางร้านก็ออน์ เฟสบุ๊คให้พนักงานในร้านรู้แล้วรู้รอดไป จะได้ปรับปรุงการให้บริการแบบ  Real-time  ตามกันไปเลย
3)  หลังการขาย  เริ่มจากบริการ มี ให้ Download คู่มือใช้งาน   หรือ ดู วิดีโอใช้งาน ใน  Youtube  ส่งอีเมล์ขอบคุณลูกค้า และ ขอ Add Friend กับลูกค้าที่พึ่งซื้อของไป  เป็นการเริ่มระบบ CRM     เชิญลูกค้าเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคม   ประกวด แข่งขันต่างๆ  เช่น ประกวดแข่งสุนัข   ประกวดถ่ายภาพ   ประกวดส่งคำขวัญ  ออกแบบ    ประกวดแข่ง X game   พาลูกค้ามาทำกิจกรรม Thankyou Party     Happy birthday Party      เชิญลูกค้าเอาผลิตภัณฑ์เข้ามาเช็คสภาพ หรือมารับบริการ       
         สรุป คือ การตลาดจะเปลี่ยนจาก Campaign เป็น Realtime และผ่านทุกช่องทางสื่อสาร ไปยังทุกแผนกของบริษัท   ลูกค้าจะตรวจสอบย้อนกลับ โฆษณา และ การสื่อสารบริษัท กับเพื่อนๆ  กลุ่มสังคมเพื่อน จากพนักงานขาย  พนักงานบริการ   ลูกค้าจะใช้มือถือมากขึ้น และ เป็นระบบ  Multi-screen ใช้หลายๆเครื่องมือ   ทีวี   คอมฯ   มือถือ  Tablet   หน้าร้าน    พร้อม แชร์ ตำแหน่ง ข้อมูล และคำวิพากษ์ ซึ่งกันและกัน  การตลาดไม่ใช่เป็นเรื่องสื่อออกไปโดยนักการตลาดในเวลาที่นักการตลาดสะดวก   การตลาดเป็นเรื่องการจัดทำฐานข้อมูลแบรนด์แล้วให้ลูกค้าเข้าค้นพบ Active Search    ดังนั้นการตลาดจะเปลี่ยนจาก  Outbound Marketing   เป็น  Inbound  Marketing มากขึ้น 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

hostgator coupon