Digital Marketing 4.0

Digital Marketing  4.0
กลยุทธ์และ ไอเดียใหม่ เพื่อสร้างความภักดีลูกค้าในยุค Marketing5.0

วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Marketing3.0>ROI Marketing3.0

Marketing3.0>ROI Marketing3.0


 แนวคิด ROI Marketing

การวัด ROI-Marketing3.0-Math นั้นคำนวณได้จาก มูลค่าตลอดชีพลูกค้า หักด้วยต้นทุนในการหาลูกค้าเข้ามา ค่าสื่อ ค่าโฆษณา ค่าของแจก ค่าใช้จ่ายต้นทุนทั้งหลาย หารด้วย เงินลงทุนลงไปในที่นี้คือ ต้นทุนในการลงทุนหาลูกค้าเข้ามานั้นแหละครับดังภาพ  ดังนั้นหาก ลูกค้ามาทานอาหารกับเราเดือนละ  3 ครั้ง ครั้งละ 500บาท  ลูกค้าจะมีมูลค่าหัวต่อปี 18,000  บาท ต่อปี   หากทานกับเรา 10 ปี ก็ 180,000บาทต่อปี ยังไม่นับกำลังที่จะบอกต่อ 1: 4อย่างต่ำ   ก็จะสามารถสร้างรายได้ให้เรา  เกือบ แปดแสนบาทต่อคน  ดังนั้นจึงมีแนวคิดที่จะลงทุนสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้ากลุ่มนี้  ยอมใช้ต้นทุนที่สูงเพื่อให้ได้มาซึ่งลูกค้าระดับหัวคะแนน  ที่จะมีมูลค่าหัวทั้งในตัวเอง และ แพร่กระจายเป็นนกต่อ ดึงลูกค้าอื่นตามมาด้วย ตามระบบเครือข่ายสังคมออน์ไลน์  ออฟไลน์  แต่เรากำลังจะพูดถึงการสร้างตลาด ผ่านทางออน์ไลน์




ROI Marketing 3.0


จากการพูดคุยกับหลายๆคน พบว่า เรายังใช้ตัววัดผิดๆกับ Social Media Marketing เพราะยังหลงละเริงกับ จำนวน Followers   จำนวนคลิก like หรือจำนวนสาวก ในแฟนเพจ แต่ตัวเลขเหล่านั้นทำให้เกิดรายได้ทางธุรกิจหรือไม่ เป็นลูกค้าตัวจริงเสียงจริงหรือไม่นั้น มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง   ในที่สุดก็มีการถกเถียงก็มีการพูดถึง ROI Marketing การตลาดที่เน้นผลตอบแทน  โดยแนวคิดมีอยู่ว่า  การทำให้เกิด Traffic จากสื่อต่างๆที่เราใช้ ไม่ว่าเป็น Organic  Search  หรือ จากหน้าโฆษณา Adwords หรือ Facebook Ad   หรือมาจากการใส่ backlink เข้าไปใน Post ของเราในสื่อ Social Media      ส่งอีเมล์  หรือ SMS  เป้าหมายของเราคือ ทำให้ทุกๆ Traffic หรือกลุ่มลูกค้าคาดหวังของเราวิ่งเข้ามาสู่ลงหน้า Landing Page ในเว็บเรา ซึ่งหน้านี้เป็นหน้ารองรับลูกค้าที่สนใจ  ในหน้านี้เหมือนเป็นหน้าโฆษณาล่อใจลูกค้า ให้โต้ตอบกับเรายอมให้ชื่อ-ที่อยู่-เบอร์โทร-อีเมล์  ไว้กับเราเพื่อแลกกับสิ่งจูงใจ เช่น ตัวอย่างของฟรี   เข้าร่วมประกวดถ่ายภาพ หรือ ได้รับเอกสารแนะนำ Ebook  ฟรี  สติกเกอร์ฟรี    คะแนนสะสมฟรี  นั้นคือยอมกรอกข้อมูลให้รายละเอียดส่วนตัวกับเรา   จากการสร้างความสัมพันธ์ CRM กับลูกค้าที่กรอกข้อมูลเป็นฐานข้อมูลผู้สนใจไปเรื่อยๆจนถึงจุดที่ทำให้ลูกค้ายอมพูดคุยกับพนักงานขาย ผ่านการ chat Skype   line whatsapp  ทางโทรศัพท์  หรือพบตัว  จนเกิดการซื้อ อันนี้เรียก pipeline management   หลังซื้อแล้วลูกค้าจะซื้อซ้ำจนเป็นยอดซื้อตลอดชีพ  lifetime value ว่ากันไปจนตายเลยนะ และที่ว่ามานี้ดูได้จาก ขบวนการ ROI marketig3.0 ดังภาพ    


 ดังนั้น การจะวิเคราะห์จะมี 3 ขั้น1)ที่มาที่ไปของลูกค้าว่ามาจากช่องทางสื่อใดจำนวนเท่าใดที่วิ่งเข้ามาในเว็บเราด้วย Google Analytic 2) จำนวน leads ที่ยอมกรอกฟอร์มให้ข้อมูลมาจากสื่อช่องทางใด จำนวนเท่าใด 3) leads นั้นกลายมาเป็นยอดขายได้เท่าใด Conversion ratio และช่องทางสื่อใดแรงที่สุด อันนี้เป็นคำตอบสุดท้ายของนักการตลาดที่หวังสร้าง CRM และ Loyalty กับลูกค้าคือ ลูกค้ามีมูลค่าตลอดชีพไหม มีเท่าใด เช่น เด็กทารกใช้ผ้าอ้อม24 เดือน เดือนละกี่แพ็ค แม่หนึ่งคนมีบุตรเฉลี่ย 2 คน มูลค่าตลอดชีพแม่ 48 เดือนของการใช้ผ้าอ้อมเด็ก เป็นต้น  
 ไว้พบกันฉบับหน้าครับ  หากสนใจ DVD ชุด CRM & Loyalty Marketing 3.0  เนื้อหา 6 ชั่วโมงเต็ม พร้อมคู่มือ ต้นฉบับ  ดูได้จาก ลิงก์ นี้ครับ   CRM & Loyalty Marketing 3.0 

วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Logistics Management> Wholesale Management

การบริหารธุรกิจค้าส่งของคนไทย



การบริหารค้าส่งของคนไทยแยกเป็น 3 ค้า คือ การบริหารค้าเข้า  การบริหารค้าออก  และการบริหารคลังสินค้า

การบริหารค้าเข้า  

คือการบริหารความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์  โดยเฉพาะซัพพลายเออร์รายหลักๆ  เพื่อบริหารการสั่งซื้อสินค้าให้ ตรงตามความต้องการของลูกค้า ทั้งด้าน ปริมาณ ชนิด คุณภาพ และเวลาที่ถูกต้อง   การบริหารซัพพลายเออร์ นั้น  ซัพพลายเออร์จะมีงบประมาณให้ค้าส่ง ในแง่  โควต้ายอดซื้อ  เครดิต   กำไรที่ให้   งบส่งเสริมการขาย ซึ่งมักกำหนดเป็นรายปี


การบริหารสินค้าและสต๊อคคงคลัง 

โดยจะต้องมีการจัดเกรดสินค้าที่มีอยู่ในมือค้าส่ง   จุดมีอยู่ว่าจะสั่งซื้อสินค้ามาแล้วขายออกเลย ค้างสต๊อคในโกดัง ให้น้อยที่สุด หรือสินค้าคงค้างในโกดังให้ต่ำสุด ดังนั้นอาจมีการสั่งบ่อยขึ้น ถี่ขึ้น แต่ไม่สั่งเป็นปริมาณมากๆไปตุนเก็บกักไว้  ยกเว้นสินค้าบางประเภทเช่น น้ำมันพืช  น้ำตาล น้ำอัดลมบางยี่ห้อ  เบียร์ในช่วงฤดูกาล  การบริหารสินค้าคงคลังนั้นจะต้องลดความสูญเสีย ให้ได้คือ สูญเสียโอกาสการขายจากสินค้าขาดมือ  และ การสูญเสีย เนื่องจากการสต๊อคของมากเกินความจำเป็นเปลืองพื้นที่เก็บและดอกเบี้ยที่จมไปกับสต๊อค แทนที่จะเอาเงินนั้นไปหมุนเวียนในกิจการ  โดยมีการกำหนด  รอบการหมุนสินค้ากี่รอบInventory Turn over  ซึ่งคำนวณจาก (ยอดขายในราคาต้นทุน) หารด้วย (สินค้าคงคลัง โดยเฉลี่ยทั้งปี ณ สิ้นเดือน 13 รอบ) หากรอบหมุนมากคือก็ต้องสั่งบ่อยและถี่ขึ้น  และมีรอบการเก็บคุมการขายได้กี่วัน  เช่น 45 -60 วัน หมายถึงสต๊อคสามารถขายต่อเนื่องได้ 45-60 วันหากไม่สั่งซื้อเพิ่ม    สินค้าที่เคลื่อนไหวในสินค้าคงคลังนั้น มักจะมากจาก ซัพพลายเออร์รายหลัก ดังนั้น ค้าส่งต้องทำการจับคู่ระหว่างสินค้า กับซัพพลายเออร์ที่ตนสั่งสินค้าเข้ามาให้ได้  เป็นกลุ่ม TOP Best  Hot มีประมาณ 1 ใน 3 ของ SKUs  



การบริหารค้าออก

เป็นการบริหารลูกข่ายร้านค้า ซาปั๊ว และร้านค้า โชห่วย ที่มาซื้อสินค้าจากค้าส่ง ซึ่งค้าส่งจะต้องไม่ขายแค่สินค้า แต่ต้องให้บริการจัดส่ง ขนของขึ้นรถ  บริการการจัดหน้าร้าน  การบริหารสมาชิกร้านค้า สะสมยอดซื้อ   การช่วยตั้งราคาและเป็นพี่เลี้ยงให้ร้านค้า เครือข่ายจริงๆ  ลงโปรแกรม บาร์โค๊ต EPOS ที่สามารถตรวจนับสินค้าขายหน้าร้านได้ พร้อมกับ ให้ร้านค้าปลีกบริหารพื้นที่ขาย  การเก็บสต๊อคสินค้า ให้ตรงกับการขาย ขายดีก็เก็บมากมีพื้นที่ขายมาก  การสั่งซื้อสินค้าเข้าเป็นระบบเติมเต็มสินค้าที่ขายออกไป หรือเป็นการสั่งซื้อที่ตรงกับความต้องการของพื้นที่ท้องถิ่นแต่ละที่ให้มากที่สุด  เมื่อรวมความต้องการซื้อของร้านเครือข่ายมารวมกันร้านค้าส่งก็จะสั่งตามที่ลูกค้าต้องการ จริง ไม่สั่งมากหรือน้อยเกินไป บรรจุให้พอดี การบริหารค้าออกเป็นเรื่องการบริหารสินค้า และ ลูกค้าร้านค้าเครือข่ายไปพร้อมๆกัน ให้ตรงกับความต้องการพื้นที่ ทั้งนี้ต้องมีการกำหนดราคา เป็น ลัง เป็นแพ็ค  เป็นปลีก  ทั้งนี้ค้าส่งจะต้องพลิกผันตัวเองจากแค่ขายสินค้าเป็นขายความสำเร็จของธุรกิจค้าให้กับร้านค้าเครือข่าย  ด้วยการบริหารความสัมพันธ์ที่ดีกับร้านค้าเครือข่าย  รู้ Profile การสั่งซื้อของลูกค้า 
hostgator coupon