แนวโน้มการตลาดยุค3.0 > Marketing3.0 Trend 2013 ตอนที่ 3
จากความตอนที่แล้วที่ว่าด้วย ROI Marketing เนื่องจาก การที่ Digital Marketing เริ่มกินสัดส่วนของงบประมาณการตลาดมากขึ้น ซึ่ง แน่นอน การทำอะไรใหม่ต้องสามารถพิสูนจ์ได้ว่า ดีกว่าทำแบบเก่า ประกอบการ ในโลกออน์ไลน์ การเก็บข้อมูลนั้นมีต้นทุนที่ถูกมากและสะดวก รวดเร็ว ง่าย ต่อการบันทึก ผลที่ตามมาคือ ข้อมูลเต็มไปหมด เมื่อข้อมูลการตลาดมากขึ้นก็จำเป็นต้อง นำข้อมูลว่าใช้ประโยชน์ วิเคราะห์ และนำไปปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด จึงนำเข้าสู่
Marketing3.0 Trend No.7
แนวโน้มการใช้ Data-Driven Marketing
Data
Driven Marketing แนวโน้มที่เห็นชัดคือ นักการตลาดไม่ใช่นักพูดไปเรื่อยๆ
ที่เรียก Lip Service
แต่การดำเนินกลยุทธ์ต้องอาศัยดูข้อมูลแล้วค่อยตัดสินใจ เลือกกลยุทธ์
ดังเห็นได้ว่า 68% ของนักการตลาดจะเพิ่มงบประมาณในส่วน
การตลาดที่ต้องมีการใช้ข้อมูล
วิเคราะห์ข้อมูล เชิงปริมาณ เพื่อไปอธิบายเชิงคุณภาพ เช่น Key Wordsคำหลัก
ไหนที่คนดูเยอะ และคำหลักไหนที่นำคนเข้ามาสู่เว็ปไซด์เรา หรือ Check-in
แบบไหนที่ทำให้ลูกค้ามาใช้บริการร้านของเรามากที่สุด เช่น แบบ ให้ส่วนลด
แบบมีของแถม แบบมากับเพื่อน 4คนได้เลย หรือแบบมาเช็คอินน์ครั้งที่
3จะได้ หรือ แบบ มาเช็คอินน์ 3 สาขาขึ้นไปได้ หรือแบบ
มาเช็คอินน์วันและเวลานี้เท่านั้นถึงจะได้ อันนี้พูดง่ายๆคือ
การทำตลาดทุกอย่างต้องสามารถตรวจวัดได้ หากเรารู้สึกร้อน แต่หันไปดู
องศาในเทอร์โมมิเตอร์พบว่าอุณหภูมิวัดนี้ยัง เย็นกว่าเมื่อวานอีก
อันนี้ต่างหาก ที่ตรวจวัดมิใช่ใช้ความรู้สึก
หรือประสบการณ์ที่ผ่านมาในอดีตที่ ล้าสมัยไม่เป็นปัจจุบัน
ในห้องประชุมกับลูกค้าผม เจ้านายก็ดูแบบที่ Designer ออกแบบมา
ก็ส่ายหัวบอกว่าฮั้วไม่เอา
แต่เจ้าหน้าที่วิเคราห์ข้อมูลเขาเถียงด้วยข้อมูลทันที่ว่าเฮียแบบนี้และขาย
ดี ดูข้อมูลขายซิ ในที่สุด เจ้าของบอกตามใจมึง กูแพ้ ประสบการณ์กู
สู้ข้อมูลปัจจุบันมึงไม่ได้
ประเภทของการบริหารข้อมูลลูกค้า
ข้อกังวล1 คือเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูล 38% เช่นในหน้าเพจผม Social Media ว่า Talk About it หรือ Look Like Love มีจำนวนเท่าใด และ เข้าไปหน้าที่เราต้องการเท่าใด กรอกข้อมูลเท่าไร ตัวอย่าง ดังหน้า โครงการ สร้างนักธุรกิจการค้ามืออาชีพ ที่ผม pin ไว้ใน หน้าเพจผม มีคนคลิกถูกใจสิ่งที่ผมPost 297 คน มี250 คนคลิกลิงก์ไปหน้าที่ผมประชาสัมพันธ์ในเว็บ และเหลือคนกรอกใบสมัครร่วมโครงการ 60 ราย และมีคนมาคลิกถูกใจหน้าเพจผม 28 ราย หากเป้าหมายผมคือคนสมัคร ผลตอบรับผมคือ 60 จาก 297 คนที่เข้ามาอ่านคือ 20% ไม่เลวเลยใช่ไหม แต่คนที่เห็นคำประกาศนี้มีถึง 6,512 คน ใน ระบบเฟสบุ๊คทั้งหมด แต่คลิกมาดูในหน้าเพจผมเพียง 297 CTR Click Through Rate เห็นแล้วจิ่ม มาดู 4.56% ไม่เลวอีกเช่นกัน แต่ถ้าเป้าหมายคือ Reachต้องการให้คนเห็นสัก 1 หมื่นคน แต่ในรายงานคนเห็นผมแค่ 6,512 เพียง 65% ต่ำกว่าเป้าที่ผมต้องการ 100% ไปเยอะเลย
ข้อกังวล 2 คือ การล้างข้อมูลให้สะอาดใหม่สดเสมอไม่เป็นข้อมูลขยะ 31%
ข้อกังวัล 3 คือการเก็บรวบรวมข้อมูล 28%
ข้อกังวล 4 คือ การนำข้อมูลไปใช้ 25%
ข้อมูลจาก Infogroup Targeting และ Yesmail
ในฉบับหน้าเราจะมาต่อเรื่องกลยุทธ์ตลาดที่ใช้ข้อมูลเป็นตัวนำ พบกันฉบับหน้าครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น