Digital Marketing 4.0

Digital Marketing  4.0
กลยุทธ์และ ไอเดียใหม่ เพื่อสร้างความภักดีลูกค้าในยุค Marketing5.0

วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2556

Marketing 3.0 Trend 2013

แนวโน้มการตลาดยุค 3.0  > Marketing 3.0 Trend 2013  ตอนที่  2


 จากตอนที่แล้ว เราได้พูดถึง แนวโน้ม 3 ตัวแรกไปแล้ว คือ  Integration ,Retargeting,Dynamic & Adaptive Content & Price    ครั้งนี้เราจะมาว่ากันต่อเรื่อง แนวโน้มตัวอื่นๆที่เหลือ


Trend No4 Mobile Anywhere 

เราจะพบว่ามือถือรุ่นใหม่ เป็น Smart Phone และ มันถูกพกพาติดตัวไปทุกที่ และคนมักดูข้อมูล เปิดอีเมล์ โหลดภาพ Check-in ผ่าน มือถือ Tablet รวมถึง SEARCH ข้อมูล ดังนั้น การทำหน้าเว็บ และอีเมล์เราให้รองรับกับหน้ามือ ถือ Tablet ไอแพด และ จอคอมพิวเตอร์ จึงเป็นเรื่องสำคัญ หน้าเราต้องยืดได้หดได้ ตามหน้าจอของแต่ละตัว และให้ข้อมูล Realtime สต๊อคคงเหลือ ณเวลานี้ ราคาล่าสุด คำวิจารณ์จากลูกค้า เมนท์จากลูกค้า ไม่ดีก็ต้องรีบแก้ไข การตลาดที่เชื่อมโยง Click&Brick แบบ Real time และเป็น Location Based Marketing ให้ข้อเสนอพิเศษ ราคาพิเศษ คูปอง ส่วนลด เมื่อเช็คอิน นี่เป็นมิติใหม่ด้านการตลาด ที่วัดผลได้ 

Marketing Trend No 5 Total Brand Experience

 
ต้องยอมรับว่าหาก เรามองว่าการ Rebranding  คือการเปลี่ยนโลโก้ สีสัน  อัตลักษณ์ Identity นั้นแสดงว่าท่านเป็นนักการตลาดยุคที่ 1.0   หากท่านมองว่า Brand คือการสร้างภาพลักษณ์ Image หาคำพูดดีๆมาวางตำแหน่งจุดยืนให้กับแบรนด์ และก็มี Brand  Book ว่าด้วยชาติตระกูลของแบรนด์ และ Do and Don't แสดงว่าท่านเป็นนักการตลาดในยุค2.0    แต่การตลาดยุค 3.0 นั้นการแข่งขันมิได้อยู่ในมิติของ  Brand Perception   แต่ เป็น Total Brand Experience จากแค่สร้างภาพลักษณ์และ อัตลักษณ์ นั้น จะต้องส่งมอบประสบการณ์ตามที่สัญญาไว้ให้ได้ณจุดสัมผัสระหว่างแบรนด์กับ ลูกค้า Brand Touch points ตั้งแต่สร้างภาพก่อนซื้อ จนถึงจุดสัมผัสขณะซื้อ และ การบริการและ CRM หลังซื้อ จนกลับมาซื้อซ้ำซื้อใหม่ก็ต้องได้ประสบการณ์ที่เป็นหนึ่งเดียว ทุกที่ ทุกแผนก ของบริษัทที่ให้บริการ โอ๊ยมันยากกว่าแค่โฆษณาสร้างภาพ สร้างฝัน ให้ลูกค้าเคลิบเคลิ้ม ไปวันๆ  และต้องสร้างสิริลักษณ์ Integrityให้ได้    อ่าน   Total Brand Experience

Marketing TrendNo6 ROI Marketing


 การตลาดต้องปรับเพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด 73% ของผู้บริหารระดับสูงเชื่อว่าการตลาดไม่สามารถวัดผลตอบแทนที่แท้จริง เมื่อเทียบกับเม็ดเงินที่ใส่ลงไป ดังนั้น การตลาดจะเน้น ROI Marketing มากขึ้น ต้องวัดผลได้ และติดตามได้ เหมือนการส่งของทางไปรษณีย์  ว่าไปอยู่ที่จุดใดแล้ว นั้นคือ ลูกค้าคาดหวัง จาก สนใจ คลิกอ่าน  คลิก ถูกใจ ยอมกรอกข้อมูล เป็น Contact มีการติดต่อติดตามไปถึงขั้นไหน  มีความพร้อมในการซื้อหรือยัง  ได้นำเสนอเจอตัวหรือยัง  ทั้งผ่านทาง อีเมล์   โทรศัพท์   แชต์ IM   Skype หรือ ผ่าน Facebook และเกิดการจองซื้อหรือยัง  หากท่านยังติดตามลูกค้าไม่ได้ว่าอยู่ขั้นตอนไหน ในขณะที่ไปรษณีย์เราสามารถติดตามได้ ว่าส่งออกจากศูนย์กรุงเทพหรือยัง ไปถึง ศูนย์ขอนแก่นแล้ว กำลังวิ่งไปศูนย์ มหาสารคาม เตรียมนำจ่าย    ถึงมือผู้รับแล้ว        ก็แสดงว่า ท่านยังล้าหลังไปรษณีย์ไทยอยู่หลายขุม 
สำหรับแนวโน้มการตลาด  3.0  ปี 2013 ไว้จะค่อยๆ update กันในฉบับหน้านะครับ สวัสดีครับ   
 

วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556

Marketing 3.0 Trend 2013

แนวโน้ม การตลาดยุค 3.0 > Marketing3.0 Trend 2013

 ครั้งนี้ เราขอต้อนรับบรรยากาศปีใหม่ 2013  ด้วยการนำเสนอเทรน์  การตลาดในยุค 3.0 ของปี 2013 ว่าจะมีอะไร ฮอต ใหม่ น่าจับตาดูกันบ้าง เริ่มจาก

Trend No1 Integration online & Offline , Click and Brick   


Marketing trend 2013 จากแหล่งข้อมูล นักการตลาดหลายที่ ได้สรุป แนวโน้มหลักๆของการตลาดปี 2013 ไว้ คือ การตลาดจะมีการรวมเป็นหนึ่ง ที่เรียกว่า Integration Online& Offline   และพาณิชญ์อิเล็กทอนิกส์ที่เชื่อมโยงกับหน้าร้านณจุดขาย  Click & Brick คือ ขณะที่ลูกค้าอยู่ในร้าน สามารถเช็คสต๊อคสินค้าได้ว่ามี ของที่ตนต้องการหรือไม่ และ เมื่อตนเองเข้าไปลองเสื่อผ้าในห้องลองเสื้อผ้า RFID ทึ่ติดกับเสื้อผ้าจะส่งสัญญานไปยังวิดีโอ ในห้อง และเล่นวิดีโอ ของเสื่้อผ้าตัวนั้นให้ดู Google Wallet จะอำนวยความสะดวกในการจับจ่ายผ่าน NFC Near field Technology นำไปจ่าย ตังค์ค่าสินค้าณจุดคิดเงิน ในอนาคต Universal Analytic ที่จะออกตลาดในไตรมาสแรกปีนี้ จะสามารถวิเคราะห์ลูกค้าที่เข้ามาใน เว็บเราได้ แทงตลอดจนเป็น leads ซื้อ และกลับมาซื้อซ้ำ ผ่าน Userid เดียวกัน ที่เรียกว่ารู้กันตลอด Sales pipeline funnelที่เดียวตั้งแต่ ก่อนซื้อ ขณะซื้อ จนถึงเมื่อซื้อไปแล้ว โดยการผสมผสานข้อมูลจาก Google Analytics และฐานข้อมูล CRM ของบริษัทที่ทำการตลาด จะสามารถทำ Merge & Purge เติมเต็มข้อมูลในส่วนที่ขาดไปของลูกค้าได้ เช่น เพศ อายุ ผ่านการ overlaid ข้อมูลจากสองแหล่งเข้าด้วยกัน โดยไฟล์ของเรานำออกไปอยู่ในรูป CSV น่ากลัวขึ้นทุกทีแล้วนะ การตลาดเป็นPseudo Scienceมากขึ้นทุกวัน ตามที่ Kotler ว่าเสียแล้ว 

Trend No 2   Retargeting search

Marketing Trend 2103 ตัว2 Retargeting search หากเรารู้ว่า คำหลักใดที่ดึงคนมาสู่หน้าเว็บเรา มากที่สุด หรือดึงมาสู่หน้า Landing Page ในเว็บเรามากที่สุด เช่น เรา ขายห้องโรงแรม ปีใหม่ เมื่อปีที่แล้ว พบว่า คำหลักที่คนเข้ามา ในหน้าจองห้องพัก ของโรงแรมเราปีที่แล้วคือ ห้องพักพัทยา ฉลองปีใหม่ แต่ปีนี้เราก็ต้องการลงโฆษณาอีก หาคนที่เคยมีประวัติ Searchใน Google ว่า ห้องพักพัทยาฉลองปีใหม่ เพราะคำนี้มันโดน และมีคนเข้ามาจองห้องพักเรามากสุด เราก็เจาะจงลงไปเลยว่า ให้คนที่ ค้นหาคำที่ว่านี้ หรือมีประวัติเคยค้นหาคำที่ว่านี้ ดีไหมล่ะ เพราะยังมีหลายคนที่อาจ ค้นหาคำนี้เมื่อปีที่แล้วแต่ไม่ได้คลิกมาจองห้องกันเรา ขณะที่เรายิงอีเมล์ไปหาลูกค้า ลูกค้าก็คลิกเข้าไปดูหน้าซื้อของ ของเรา แต่จะกดซื้ออยู่แล้ว ดันออกไปจากหน้าสั่งซื้อไปเฉยๆ น่าเสียดาย ปรากฎว่ามีโปรแกรมที่ตัวจับ ว่า หมอนี่หลุดออกไป แล้วก็โปรแกรมจะยิงอีเมล์ไปหา นายหมอนี่ใหม่ภายใน 24,36,48 ชั่วโมงก็สุดแล้วแต่ ซึ่งพบว่าการยิงเมล์ซ้ำ Remarketing Email จะได้ยอดกลับมาซื้อถึง26% เชียวนะจะบอกให้ การ Retargeting Remarketing เป็นหนึ่งใน Marketing Trend ปีหน้าด้วยนะ

Trend2013 No3 Dynamic Content & Price, Search Engine Result Page

 ปัจจุบัน หากเราเข้าไปใน Amazon ดูหนังสืออะไร ด้านล่างจะมีแนะนำเราว่า หากท่านชอบหนังสือนี้ มีคนแบบท่านสนใจหนังสือแบบนี้ๆๆด้วย นั้นคือให้ข้อเสนอที่ตรงประเด็นกับลูกค้า ที่เข้ามาใน เว็บ และเนื้อหาก็ผันแปรไปตามคนที่เข้ามา นอกจากนี้ ราคายังแตกต่างกันตามเวลาที่ผ่านไป รวมถึง เวลาลูกค้าค้นหา Searchคำอย่างเช่นว่า เสื้อผ้า แบรนด์ที่ขึ้นในผลการค้นหาคำหลัก Search Result อันดับจะไม่เป็นหนึ่งตลอดไปก็ได้ ขึ้นกับว่า คนที่กำลังค้นนั้น เคยเข้าเว็บเสื้อผ้าของใครบ่อยๆ กูเกิ้ลมันจะจับ Match ให้ตามพฤติกรรมในอดีตของผู้ค้น ว่าเว็บนี้นะตรงประเด็นกับหมอนี่ (ทำเป็นรู้ดีแทนเรา) และขึ้นกับเราค้นคำนี่ที่ไหน Locationหาค้นในเชียงใหม่ ผลออกมาอย่างหนึ่ง ค้นในกรุงเทพผลก็ออกมาอย่างหนึ่ง ที่เรียกว่าเกิด Localized นี่เป็นผลจาก Google Place ได้เปลี่ยนมาเป็น Google+ Local ซึ่งจะตรวจจับว่าผู้ที่ Searchนั้นอยู่ที่ใด เราเป็นที่หนึ่งของคนกรุงเทพ อาจจะไม่ได้เป็นที่หนึ่งของคนเชียงใหม่ก็ได้ และกูเกิ้ล กับ Search Engine อื่นๆก็เทน้ำหนักของการจัดอันดับ ให้กับ Social Media โดยเฉพาะ Google + ดังนั้นเราจะเห็นผลการค้นหาทุกวัน นี้จะมีข้อมูลจาก Social Media เข้ามาด้วย การเล่นkeyword จึงต้องเล่น ทั้ง on page SEO และ off page SEO ที่เรียกว่า backlink (หรือ link ที่มาจากเว็บอื่นๆแล้วอ้างอิงมาเว็บของเรา ซี่งปกติจะเพิ่มการจัดอันดับให้เรา ) ทั้งจาก Social media และ เว็บพันธมิตรอื่นๆของเราทั้งในรูปแบบแลกลิงก์หรือฝากข่าว PR และยิ่งวันน้ำหนักที่ให้ ยิ่งเทมาทาง OFF PAGE SEO มากขึ้น ล่าสุดกูเกิ้ลเองออกเครื่องมือให้เราสามารถตัด backlink ที่เน่าๆออกไปได้ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า DISSAVOW บางคนถึงกับพูดว่า SEO is Dead เพราะการจัดลำดับในกูเกิ้ลต่อไปจะขึ้นกับ สถานการณ์ ประวัติการค้นหาในอดีตของผู้ค้น และ Locationจุดตำแหน่งภูมิศาสตร์ที่ค้นหาคำหลัก   อย่าลืม ตำแหน่งพิกัดที่คุณค้นบวกกับประวัติการค้นในอดีตของคุณ  จะทำให้ผลการค้นหาข้อมูล จาก คำหลักของคุณแตกต่างจากคนอื่นๆ ตัวกูเกิ้ลเองก็พยายาม Personalized ให้เขากับคนแต่ละคน  โอ้พระเจ้า มันต้องปรับตัวมากเลย จอร์ส

ไว้ต่อกันฉบับหน้าเป็นตอนจบครับ  

  
hostgator coupon