Digital Marketing 4.0

Digital Marketing  4.0
กลยุทธ์และ ไอเดียใหม่ เพื่อสร้างความภักดีลูกค้าในยุค Marketing5.0

วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2556

Marketing3.0Trend2013 > Database Driven Marketing 2

 แนวโน้มการตลาดยุค3.0  >  Marketing3.0 Trend 2013 ตอนที่ 4

 ในตอนที่แล้วเราได้พูดถึง การเคลื่อนย้ายงบทางการตลาดจาก กิจกรรมที่ไม่สามารถวัดผล ได้ไปสู่กิจกรรมที่สามารถวัดผลได้ และ นำข้อมูลนั้นไปวิเคราะห์เจาะลึก ความต้องการลูกค้า และนำไปปรับกลยุทธ์แคมเปญการตลาด  โดยนำข้อมูลวิจัย ของ Infogroup และ Yesmail


พบว่าฐานข้อมูลมากจากแหล่งใด



ดังที่ทราบกันว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดของการตลาด 3.0 ปี 2013 คือ การบริหารจัดการฐานข้อมูล เพราะยิ่ง มีการใช้การตลาดบน Digital มากเท่าไร การบันทึกเก็บข้อมูลก็มากเป็นเงาตามตัว แต่ะการบริหารเอาข้อมูลมาใช้ ต่อการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ตลาดเป็นเรื่อง ปวดเศียร เวียนเกล้าของนักการตลาด โดยเฉพาะข้อมูลลูกค้า ซึ่งได้มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าที่มายังหน้าเว็บไซด์ต่างๆของเรา Web analytics 49% การที่ดูการโต้ตอบจากอีเมล์ เช่น เปิดอ่านเท่าไร คลิกเท่าไร มาหน้าที่เราต้องการเท่าไรE mail Interaction 19% สื่อสังคมออน์ไลน์ Social Media 12%
 
 

เครื่องมือการตลาดใดที่นักการตลาดใช้ข้อมูลเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์

 
 
 
แล้วที่มาข้อมูลลูกค้า จากเครื่องมือการตลาดตัวใด ที่นักการตลาดใช้ในการนำมาปรับปรุงกลยุทธ์ทางการตลาด Web83%ของนักการตลาดใช้ปรับปรุงกลยุทธ์แคมเปญการตลาด Email 72% Social Media 59% Display 47% ไปรษณีย์ 47% สื่อสิ่งพิมพ์ 32% โทรศัพท์ 30% SMS 17% จาก Infogroup Targeting และYesMail

 ความมาแรงของสื่อสังคมออน์ไลน์ทำให้นักการตลาดต้องใช้ข้อมูลนี้

เป็นที่ทราบดีว่า Search Engine  ใช้สัญญาของสังคมออน์ไลน์หรือ โซเชียลมีเดียในการชี้วัด ความนิยม  จัดอันดับ และแสดงผลใน ผลการค้นหา SERP Search Engine Result Page  ในขณะที่นักการตลาดก็เห็นความจำเป็นในการรวมข้อมูลลูกค้า  ในโซเชียลมีเดียแล้วนำมารวมกับ ข้อมูลช่องทางอื่นเพื่อนำมาปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด ในปี 2013 นี้ 
ดังนั้นสรุปได้ว่า แนวโน้มการตลาด 2013   ข้อมูลจากทุกช่องทางจะนำมา Integrated เป็นหนึ่งเดียวกันต่อภาพจากหัวถึงปลายน้ำ  ให้เห็น แล้วปรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อตอบสนองต่อลูกค้าอย่างรวดเร็ว Realtime  อย่างชัวร์ไม่มั่วนิ่มเหมือนแต่ก่อนนะครับ


Marketing3.0Trend2013 > Data Driven Marketing

แนวโน้มการตลาดยุค3.0 > Marketing3.0 Trend 2013 ตอนที่ 3


จากความตอนที่แล้วที่ว่าด้วย ROI Marketing  เนื่องจาก การที่ Digital Marketing เริ่มกินสัดส่วนของงบประมาณการตลาดมากขึ้น ซึ่ง แน่นอน การทำอะไรใหม่ต้องสามารถพิสูนจ์ได้ว่า ดีกว่าทำแบบเก่า  ประกอบการ  ในโลกออน์ไลน์   การเก็บข้อมูลนั้นมีต้นทุนที่ถูกมากและสะดวก รวดเร็ว ง่าย  ต่อการบันทึก  ผลที่ตามมาคือ ข้อมูลเต็มไปหมด   เมื่อข้อมูลการตลาดมากขึ้นก็จำเป็นต้อง นำข้อมูลว่าใช้ประโยชน์  วิเคราะห์ และนำไปปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด    จึงนำเข้าสู่ 
 Marketing3.0 Trend No.7
 


Trend No.7  Big Data  -->Poor Insight     ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ในการตลาดยุค 3.0 คือ การที่ใช้ Digital Marketing ทำให้การเก็บข้อมูลง่ายดายสะดวกโยธิน แต่ ปัญหาใหญ่ตามมาคือ มีข้อมูลมากแต่ต้องหาทางใช้ มิฉะนั้นจะเข้าขั้นมีข้อมูลท่วมหัวเอาตัวไม่รอดดังนั้นปีนี้ นักการตลาดจะเพิ่มงบประมาณตลาดลง ในส่วนบริหารจัดการฐานข้อมูลลูกค้า 68% ของนักการตลาด 56% วางแผนเพิ่มบุคคลากรด้านการบริหารจัดการข้อมูล 45% บอกว่าสิ่งท้าทายมากที่สุดด้านบริหารข้อมูลคือการวิเคราะห์และนำข้อมูลไปใช้ ประโยชน์ ปรับกลยุทธ์การตลาด และ 83%วางแผนที่จะใช้ Real-time data ข้อมูลจาก Infogroup Targeting และ Yesmail

แนวโน้มการใช้ Data-Driven Marketing




 
Data Driven Marketing แนวโน้มที่เห็นชัดคือ นักการตลาดไม่ใช่นักพูดไปเรื่อยๆ ที่เรียก Lip Service แต่การดำเนินกลยุทธ์ต้องอาศัยดูข้อมูลแล้วค่อยตัดสินใจ เลือกกลยุทธ์ ดังเห็นได้ว่า 68% ของนักการตลาดจะเพิ่มงบประมาณในส่วน การตลาดที่ต้องมีการใช้ข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล เชิงปริมาณ เพื่อไปอธิบายเชิงคุณภาพ เช่น Key Wordsคำหลัก ไหนที่คนดูเยอะ และคำหลักไหนที่นำคนเข้ามาสู่เว็ปไซด์เรา หรือ Check-in แบบไหนที่ทำให้ลูกค้ามาใช้บริการร้านของเรามากที่สุด เช่น แบบ ให้ส่วนลด แบบมีของแถม แบบมากับเพื่อน 4คนได้เลย หรือแบบมาเช็คอินน์ครั้งที่ 3จะได้ หรือ แบบ มาเช็คอินน์ 3 สาขาขึ้นไปได้ หรือแบบ มาเช็คอินน์วันและเวลานี้เท่านั้นถึงจะได้ อันนี้พูดง่ายๆคือ การทำตลาดทุกอย่างต้องสามารถตรวจวัดได้ หากเรารู้สึกร้อน แต่หันไปดู องศาในเทอร์โมมิเตอร์พบว่าอุณหภูมิวัดนี้ยัง เย็นกว่าเมื่อวานอีก อันนี้ต่างหาก ที่ตรวจวัดมิใช่ใช้ความรู้สึก หรือประสบการณ์ที่ผ่านมาในอดีตที่ ล้าสมัยไม่เป็นปัจจุบัน ในห้องประชุมกับลูกค้าผม เจ้านายก็ดูแบบที่ Designer ออกแบบมา ก็ส่ายหัวบอกว่าฮั้วไม่เอา แต่เจ้าหน้าที่วิเคราห์ข้อมูลเขาเถียงด้วยข้อมูลทันที่ว่าเฮียแบบนี้และขาย ดี ดูข้อมูลขายซิ ในที่สุด เจ้าของบอกตามใจมึง กูแพ้ ประสบการณ์กู สู้ข้อมูลปัจจุบันมึงไม่ได้
 

 ประเภทของการบริหารข้อมูลลูกค้า

 
 การบริหารข้อมูลลูกค้านั้น พบว่า ความยุ่งยากใจนักการตลาด
ข้อกังวล1 คือเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูล 38% เช่นในหน้าเพจผม Social Media ว่า Talk About it หรือ Look Like Love มีจำนวนเท่าใด และ เข้าไปหน้าที่เราต้องการเท่าใด กรอกข้อมูลเท่าไร ตัวอย่าง ดังหน้า โครงการ สร้างนักธุรกิจการค้ามืออาชีพ ที่ผม pin ไว้ใน หน้าเพจผม มีคนคลิกถูกใจสิ่งที่ผมPost 297 คน มี250 คนคลิกลิงก์ไปหน้าที่ผมประชาสัมพันธ์ในเว็บ และเหลือคนกรอกใบสมัครร่วมโครงการ 60 ราย และมีคนมาคลิกถูกใจหน้าเพจผม 28 ราย หากเป้าหมายผมคือคนสมัคร ผลตอบรับผมคือ 60 จาก 297 คนที่เข้ามาอ่านคือ 20% ไม่เลวเลยใช่ไหม แต่คนที่เห็นคำประกาศนี้มีถึง 6,512 คน ใน ระบบเฟสบุ๊คทั้งหมด แต่คลิกมาดูในหน้าเพจผมเพียง 297 CTR Click Through Rate เห็นแล้วจิ่ม มาดู 4.56% ไม่เลวอีกเช่นกัน แต่ถ้าเป้าหมายคือ Reachต้องการให้คนเห็นสัก 1 หมื่นคน แต่ในรายงานคนเห็นผมแค่ 6,512 เพียง 65% ต่ำกว่าเป้าที่ผมต้องการ 100% ไปเยอะเลย
ข้อกังวล 2 คือ การล้างข้อมูลให้สะอาดใหม่สดเสมอไม่เป็นข้อมูลขยะ 31%
ข้อกังวัล 3 คือการเก็บรวบรวมข้อมูล 28%
ข้อกังวล 4 คือ การนำข้อมูลไปใช้ 25%
ข้อมูลจาก Infogroup Targeting และ Yesmail

ในฉบับหน้าเราจะมาต่อเรื่องกลยุทธ์ตลาดที่ใช้ข้อมูลเป็นตัวนำ  พบกันฉบับหน้าครับ
hostgator coupon