การตลาด 3.0 > Noline marketing
ที่ปรึกษาธุรกิจ สรุปตัวนี้น่าสนใจ #Omnichannel ตลอดขบวนการซื้อของลูกค้า ตั้งแต่จุดเริ่มต้นหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ต้องการซื้อ เมื่อสนใจก็จะไป หาสินค้าทดลอง ผ่านหน้าร้านหรือไปดูของ จากนั้นก็ตัดสินใจซื้อ และก็ไปรับของ ขั้นตอนสุดท้ายคือ ประสบการณ์ หลังซื้อ- ในขั้นตอนแรกคือการแสวงหาข้อมูลของลูกค้า จะเห็นว่า ครึ่งหนึ่งหาข้อมูลออน์ไลน์ อีกครึ่งหนึ่งหาจากสื่อ offline และลูกค้ามีแนวโน้มจะเชื่อข้อมูลจากคนกลางThird Party มากกว่า โดยหาข้อมูลจากแหล่ง ReviewsBlogger
4. การรับสินค้าของลูกค้านั้นมีหลากหลายวิธีมากขึ้น อย่าง 7 Catalogue คือสั่งซื้อของผ่านแค็ทตาล็อคแล้วก็ไปรับของพร้อมจ่ายเงินที่สาขาใกล้บ้านหรือที่ทำงานที่ลูกค้าสะดวก ในขณะที่บางรายสั่งของออน์ไลน์แต่ไปรับของหน้าร้านใกล้บ้าน หรืออย่าง TESCO เกาหลีที่ให้ลูกค้าสั่ง ที่รถไฟฟ้าใต้ดิน แล้วของไปส่งที่บ้านลูกค้าเลย
ลูกค้ารับของผ่านออน์ไลน์มี 1/4 พวก Apps Software Ebook บริการออน์ไลน์เช่นทำ บริการทำข้อมูลนำเสนอ บริการ Cloud Service

หน้าร้านยังเป็นสิ่งจำเป็น การจัดโชว์สร้างบรรยากาศ
แต่อย่างไรก็ตามลูกค้าก็คงยังชอบไปหน้าร้านอยู่ โดย 61% ของเวลาช้อปปิ้งจะอยู่หน้าร้าน 31% ใช้เวลาอยู่ในช้อปปิ้งออน์ไลน์ และยังพบอีกว่า ลูกค้าที่ซื้อหน้าร้านมีมูลค่าหัวสูงกว่าลูกค้าออน์ไลน์ เพราะว่า 40% ของลูกค้าที่อยู่หน้าร้านจะเบรคแตก ด้วยบรรยากาศพาไป หรือข่มกันเอง เกทับกัน หรือ เกิดอาการติดลมบนหยุดไม่ได้ซื้อเพลินมากกว่าที่ตั้งใจไว้ ในขณะที่ลูกค้าออน์ไลน์ มีอาการเบรคแตก เพียง 20% ดังนั้น 5 Sense Marketing ผ่านตา หู กลิ่น สัมผัส ชิ้ม นั้นมีความสำคัญอยู่ การจัดโชว์สินค้าสวยสะดุตากระฉากใจ ที่เรียก VMD Visual Merchandising Display ยังมีความสำคัญในการสร้างแรงเบรคแตก ให้ลูกค้าได้
เหตุผลที่ลูกค้ายังช้อปผ่านหน้าร้านจริง เพราะ 24%ต้องการของทันที15% ต้องการทดลองหรือสวมใส่ดูก่อน 13% ได้ไปนัดพบเพื่อนๆ สภากาแฟว่างั้นเถอะ 9% ยังคงต้องการเปรียบเทียบ คุณภาพของและราคาที่หลากหลาย ก่อน อีก 7%เป็นแม่บ้านสมองไว้ หาที่มันจัดรายการหรือผ่อนดอกเบี้ย 0%
ข้อมูลวิจัยและสรุปดีๆจาก AT Kearney ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นว่าขอบเขตโลกออน์ไลน์ #Onlineและ ออฟไลน์ #Offline กำลังปนกันมั่ว และไม่ชัดเจน จนไม่มีเส้นแบ่ง#Noline