การตลาด 4.0 > แนวโน้มการโฆษณา
แนวโน้มการตลาดและโฆษณาแบรนด์พอบอกได้ว่า งบการตลาดเคลื่อนย้ายจาก Offline ไปสู่ Online จาก Keyword Based ไปสู่ People Base จากดิจิตอล Desktop ไปสู่ Mobile และจาก แบรนเนอร์และ TVC ไปสู่ วิดีโอ Video Ad สื่อ Offline หนีตาย หาเครื่องมือ QR /VR/ AR code log on FB Messager Scan Code เพื่อดึงลูกค้าเข้าไปในระบบออน์ไลน์
Mobile จะเป็นตัวนำตลาดโฆษณา
1. โฆษณาผ่าน Searchคือซื้อโฆษณาโดยเจาะจงคำหลักค้นหา ในการซื้อ
2.Display Ad แน่นอนตัวพ่อยังเป็น GDN Google Display Network ที่จะไปปรากฎเป็นแบนเนอร์ ไม่มีโปรตีน หรือ โฆษณาในเว็บพันธมิตรเครือข่ายพี่กู
3.Social Ad โฆษณาในสื่อสังคมออน์ไลน์ ตัวแม่คือ Facebook ที่มีเครื่องมือล้ำหน้าไปไกลเกินกูเกิ้ลหลายขุม ทั้ง Custom Audience , Local Retargeting, Lookalike และ
4.แม่น้ำสายสี่ที่มาแรงแซงทางโค้งคือ โฆษณาบนวิดีโอ Video Ad ที่กูเกิ้ลยังนำโด่งอยู่ แม้ FB พยายามจะให้มี โพสต์วิดีโอบนหน้าบ้านและโฆษณาไปยังลูกค้าเป้าหมายได้ แต่ก็ไม่รู้โฆษณาไปหาสรรค์อะไรหากไม่ไปปลายทางที่ Landing page เว็บไซด์ หรือ มีการเก็บรายชื่อ lead คนสนใจผลิตภัณฑ์ ซึ่งโฆษณาlead ad ของ FB ก็ยังไม่ได้เชื่อมโยงกับ วิดีโอ และการใช้ค่อนข้างยุ่งยากจึงยังไม่ตอบโจทย์
จากกราฟข้อมูลของ emarketer จะเห็นน้ำหนักมันกำลังจะมาเท่าๆกันคือสายละ 25% นี่แหละแม่น้ำสี่สายของแท้ แต่ผู้บริหารหลายตนก็ยังไม่เข้าใจ ว่า โฆษณาแค่สร้างภาพให้คนรู้จักมันหมดยุค หรือตกยุคไปแล้ว ขณะที่คนเห็นทีวี เขาค้นเน็ต คำหลัก ชื่อแบรนด์ในเน็ตทันที แต่ถ้าไม่เจอะโฆษณาออน์ไลน์ หรืออยู่หน้าแรก หรือค้น Fb Searchไม่เจอะ ผมบอกเลยว่า โฆษณาสร้างภาพเป็นต้นทางหากมันไม่สามารถนำ ลูกค้าเป้าหมาย เคลื่อนไปตาม Customer Journey หรือเส้นทางเดินทางลูกค้าได้ จาก รู้จัก>ค้นหา>สนใจ เปรียบเทียบ>ติดตาม>ตัดสินใจซื้อ>Review&Share>รับบริการ หนทางมันยาวไกลที่เราต้องสร้างสัมพันธ์ CRM ตลอดเส้นทางเดินทางของลูกค้า หากผู้บริหารยังติดกับการสร้างภาพ ใช้เงินทำหน้าบ้านให้ดูดี แต่ไม่สนใจหลังบ้าน คือ ติดตามการเปลี่ยนแปลงจากคนรู้จักให้มาสนใจ และแสดงตนเข้ามาในฐานข้อมูลหรือระบบติดตามของเรา และเปลี่ยนหล่อหลอม คนสนใจให้กลายเป็นลูกค้า จากลูกค้ากลายมาเป็นแฟน ที่คอยเอาใจช่วยแบรนด์ เชียร์แบรนด์ ก็เท่ากับหลังบ้านท่านรั่ว จะทำหน้าบ้านดีสวยเท่าไร หลังบ้านรั่วก็คงหมดท่า ภาพพจน์ดีเท่าใด แต่ตรวจวัดไม่ได้เลยว่า มี คนรู้จักมาสนใจกี่ราย คนสนใจกลายมาเป็นลูกค้ากี่ราย และ ลูกค้ากลายมาเป็นแฟนกี่ราย และแฟนที่ช่วยเป็นกองเชียร์กี่ราย แล้วจะมาบ่นว่าลูกค้าหายไปไหน ไปแจ้งความสิครับ
3.Social Ad โฆษณาในสื่อสังคมออน์ไลน์ ตัวแม่คือ Facebook ที่มีเครื่องมือล้ำหน้าไปไกลเกินกูเกิ้ลหลายขุม ทั้ง Custom Audience , Local Retargeting, Lookalike และ
4.แม่น้ำสายสี่ที่มาแรงแซงทางโค้งคือ โฆษณาบนวิดีโอ Video Ad ที่กูเกิ้ลยังนำโด่งอยู่ แม้ FB พยายามจะให้มี โพสต์วิดีโอบนหน้าบ้านและโฆษณาไปยังลูกค้าเป้าหมายได้ แต่ก็ไม่รู้โฆษณาไปหาสรรค์อะไรหากไม่ไปปลายทางที่ Landing page เว็บไซด์ หรือ มีการเก็บรายชื่อ lead คนสนใจผลิตภัณฑ์ ซึ่งโฆษณาlead ad ของ FB ก็ยังไม่ได้เชื่อมโยงกับ วิดีโอ และการใช้ค่อนข้างยุ่งยากจึงยังไม่ตอบโจทย์
จากกราฟข้อมูลของ emarketer จะเห็นน้ำหนักมันกำลังจะมาเท่าๆกันคือสายละ 25% นี่แหละแม่น้ำสี่สายของแท้ แต่ผู้บริหารหลายตนก็ยังไม่เข้าใจ ว่า โฆษณาแค่สร้างภาพให้คนรู้จักมันหมดยุค หรือตกยุคไปแล้ว ขณะที่คนเห็นทีวี เขาค้นเน็ต คำหลัก ชื่อแบรนด์ในเน็ตทันที แต่ถ้าไม่เจอะโฆษณาออน์ไลน์ หรืออยู่หน้าแรก หรือค้น Fb Searchไม่เจอะ ผมบอกเลยว่า โฆษณาสร้างภาพเป็นต้นทางหากมันไม่สามารถนำ ลูกค้าเป้าหมาย เคลื่อนไปตาม Customer Journey หรือเส้นทางเดินทางลูกค้าได้ จาก รู้จัก>ค้นหา>สนใจ เปรียบเทียบ>ติดตาม>ตัดสินใจซื้อ>Review&Share>รับบริการ หนทางมันยาวไกลที่เราต้องสร้างสัมพันธ์ CRM ตลอดเส้นทางเดินทางของลูกค้า หากผู้บริหารยังติดกับการสร้างภาพ ใช้เงินทำหน้าบ้านให้ดูดี แต่ไม่สนใจหลังบ้าน คือ ติดตามการเปลี่ยนแปลงจากคนรู้จักให้มาสนใจ และแสดงตนเข้ามาในฐานข้อมูลหรือระบบติดตามของเรา และเปลี่ยนหล่อหลอม คนสนใจให้กลายเป็นลูกค้า จากลูกค้ากลายมาเป็นแฟน ที่คอยเอาใจช่วยแบรนด์ เชียร์แบรนด์ ก็เท่ากับหลังบ้านท่านรั่ว จะทำหน้าบ้านดีสวยเท่าไร หลังบ้านรั่วก็คงหมดท่า ภาพพจน์ดีเท่าใด แต่ตรวจวัดไม่ได้เลยว่า มี คนรู้จักมาสนใจกี่ราย คนสนใจกลายมาเป็นลูกค้ากี่ราย และ ลูกค้ากลายมาเป็นแฟนกี่ราย และแฟนที่ช่วยเป็นกองเชียร์กี่ราย แล้วจะมาบ่นว่าลูกค้าหายไปไหน ไปแจ้งความสิครับ
แนวโน้มโฆษณาดิจิตอลในประเทศไทย
ผมก็อยู่ในธุรกิจนี้ เห็นวัฎจักรเป็นแบบนี้มาก็เยอะ ยิ่งกว่าบ้านทรายทองฉายหนังซ้ำ แต่ลูกค้าผมหรือ ลูกศิษย์ลูกหาผมก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้เด็ดขาดเพราะ มันคือการสูญเสียทางการตลาด เรื่องหลังบ้านเป็นเรื่องที่ผมอยากเน้น Once Upon a time เคยมีแบรนด์ๆหนึ่งโฆษณาทางทีวี ผมเช็คเพื่อนผมที่อยู่สายโฆษณา ใช้งบละเลงไปปีละ 80 ล้าน สร้างแบรนด์ ก็โอละ ได้ คนสนใจมาเป็นคนขายของให้ แสนสอง แต่ เก็บไม่ได้ครับ เก็บได้จริง 8 หมื่น และจาก 8หมื่นเหลือ คนเอาจริงขายให้แบรนด์นี้เพียง 5หมื่นในเวลา 3 เดือนผ่านไป นี่คือความหมายที่ผมบอกหลังบ้าน เตรียมการไว้หรือยัง ไม่ว่าลูกค้าจะ ค้นในเน็ต โทรเข้ามา เก็บได้หรือเปล่า แล้วเปลี่ยนคนสนใจให้เป็นลูกค้าได้หรือเปล่า และเปลี่ยนลูกค้าให้เป็นแฟนพันธุ์แท้ได้หรือเปล่า ขอให้โชคดีทุกๆคน
อนาคตคนจะตั้งตัวบล็อคปิดกันโฆษณา

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น