การตลาด4.0 > อัพเดทเทรนด์ Search Engine Marketing 2559
Google ล่าสุดออกมา อัพเดทว่าช่องทางลงโฆษณา หรือ Platforms ของ กูเกิ้ล จากเดิม 3 ช่องทางจะขยายเป็น 5 ช่องทาง /Platforms คือ
1.Search only Ad คือการลงโฆษณาโดยอาศัยคำค้นหา หรือคำหลัก ซึ่งคำหลักที่ลูกค้าค้นหา เวลามีความต้องการ โดยมีสมมุติฐานว่า Keywords ที่ค้นหา = Need หรือความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ค้นคำไหนแสดงว่ามี อุปสงค์ในสินค้าตัวนั้นๆ เช่นค้นคำว่าหน้า V หมายถึงมีความต้องการ เสริมความงามบนใบหน้าแบบเกาหลี แต่ถ้าค้นว่า ร้อยไหม ก็ต้องการแบบหนึ่ง ถ้าค้นว่าโบท๊อกซ์ก็ต้องการอีกแบบหนึ่ง สำหรับตัวนี้มีการปรับปรุง ของกูเกิ้ล ใหม่คือ โฆษณา ตัวอักษร หรือ Text Ad แบบยาวยืด Extended Ad โฆษณาใหม่ ของ Adwords ที่เรียก Extended Text Ad นั้นมี 2 Headline จากแต่เดิมมีอันเดียว และเพิ่มคำบรรยาย Description ให้ยาวขึ้น พบว่าการเพิ่มตัวหนังสือให้มากขึ้นทำให้ เห็นได้ดีขึ้นในมือถือ และเพิ่มอัตราการสนใจคลิก CTR Click Through Rate เข้ามาในเว็บเราถึง +20% ในขณะที่ World Stream พบว่า การใส่ Ad Extension เช่นใส่เบอร์โทรในโฆษณา หรือใส่ link ไปยังหน้าต่างๆเพิ่มเติมเพิ่ม อัตรา CTR 7%
2.GDN Google Display Network โดยระบุ ไปลงโฆษณากับพันธมิตรเครือข่ายกูเกิ้ล ในรูป โฆษณาแสดง Dsiplay Ad ซึ่ง กูเกิ้ลได้มีลูกเล่น มากขึ้น โดย มีการออกเครื่องโฆษณาล่าสุด Responsive Ad คือโฆษณาจะเปลี่ยนหน้าตา เป็นแบบ ตัวหนังสือ Headline สั้น หรือยาว มีรูปแสดงหรือไม่มีรูปแสดงในโฆษณา คล้าย แบบ Facebook Ad ขึ้นกับสื่อต่างๆที่เป็นพันธมิตรของกูเกิ้ลว่ามีพื้นที่ให้มากน้อยขนาดไหน ที่จะเปลี่ยนหน้าตาโฆษณาให้ไม่เหมือนกัน เป็นโฆษณาข้อความText Ad ตัวหนังสือสั้น ตัวหนังสือยาว โฆษณาแบบมีภาพ ขึ้นกับว่าโฆษณานี้จะไปโผล่ที่สื่อใด เว็บไหน เราไม่ต้องทำอะไรเลย GDN ตัดสินใจแทนเรา เป็นยุทธการที่ทำให้ลูกค้าเป็นหง่อย
3.โฆษณาวิดีโอ Youtube ซึ่งจะลงในรูปแบบ In-stream หรือ Pre-roll อยู่หน้าละครย้อนหลัง แต่ก็มีรูปแบบอื่นๆ เช่น อยู่ตรงกลาง และ ไม่ให้ข้ามการดูโฆษณา เป็นต้น หรือ In -Display Video ที่จะโฆษณาคล้ายหลักการค้นหาคำ ชื่อวิดีโอที่ลูกค้าต้องการค้นหา หรือในหน้าเนื้อหาหรือช่องยูทูป
และสองช่องทางโฆษณาใหม่เพื่อตอบรับกับยุค Mobile Apps Google Smart Phone App Research-APAC ซึ่งพบว่า คนโดยเฉลี่ยจะมี Apps ในมือถือ 36 Apps 80% ถูกใช้งานเพียงครั้งเดียว และ มีแค่ 5 Apps เท่านั้นที่ถูกใช้ประจำวัน
4.โฆษณา ในการค้นหา Mobile Apps ซึ่งจะพบในผลการค้นหา Apps ใน Play Store ของกูเกิ้ล
5.โฆษณากับพันธมิตร Mobile Apps ของกูเกิ้ล คือโฆษณา Apps เราจะโผล่ใน App พันธมิตร เมื่อลูกค้าหรือผู้ใช้แอฟ กำลังดูหรือเล่น แอฟนั้นๆอยู่ In-App Action
4.โฆษณา ในการค้นหา Mobile Apps ซึ่งจะพบในผลการค้นหา Apps ใน Play Store ของกูเกิ้ล
5.โฆษณากับพันธมิตร Mobile Apps ของกูเกิ้ล คือโฆษณา Apps เราจะโผล่ใน App พันธมิตร เมื่อลูกค้าหรือผู้ใช้แอฟ กำลังดูหรือเล่น แอฟนั้นๆอยู่ In-App Action
ซึ่งกูเกิ้ลมีลูกเล่นใหม่ผ่านUniversal App Campaign UAC จะแสดงโฆษณา แอฟเล่นผ่าน 5 Google Platforms ดังกล่าวข้างต้น แบบอัตโนมัติ โดยมันจะตัดสินใจแทนเรา เพียงเรากำหนด วัตถุประสงค์ CPI Cost Per Install งบโฆษณา พิกัดLocation ข้อความโฆษณา 4 บันทัด และลิงค์ไป วิดิโอยูทูปเราถ้ามี ตัวนี้ กูเกิ้ลภูมิใจกับมันมาก เรียกมันว่าเป็น Machine Learning คือเครื่องมีการเรียนรู้ พฤติกรรมของ User หรือคนใช้มือถือว่า ชอบเล่นแอฟอะไร ชอบค้นหใน platformไหน และ โฆษณาโผล่ ในเวลาใด ช่องทางใด สถานที่ใด แล้วโดนลูกค้าเป้าหมาย จนลูกค้าเข้ามา Install App (Conversion) ทั้งนี้มีการปรับเปลี่ยน ช่องทางโฆษณา เวลา สถานที่ ตามปริมาณ Conversionที่เข้ามา เพื่อให้ได้ต้นทุนต่อ การ Install ตามเป้าหมาย ที่กำหนด หรืออีกชื่อหนึ่งของมันคือ Conversion Optimizer ซึ่งคนต้องติดตามกันต่อไปว่า ลูกเล่น Solution ของกูเกิ้ลจะออกมามีอะไรใหม่ๆมาตอบโจทย์ ซึ่ง ROI Marketing ในอนาคตจะไม่ได้ focus เฉพาะ Conversion อย่างเดียว แต่ จะเล็งผลเลิศไปที่ Event Value Optimization ที่ต้องการ เช่น การบรรลุ Level การยอมจ่ายตังค์ซื้อของในแอฟ การแชร์แอฟ Add to cart เป็นต้น ติดตามใหม่ ในฉบับหน้า ครับ ว่า Facebook Marketing มีเครืองมืออะไรใหม่ๆออกมา เช่น Canvass Ad การป้องการ Ad block และ การประกาศสงครามกับกูเกิ้ลใน Keyword Based Marketing
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น