การตลาด 4.0 เมื่อการตลาดมือถือขึ้นขย่มบังลังก์ Web Marketing
ทำไมต้อง Mobile Apps
ในตลาด Mobile App มีการคาดการณ์โดยกูเกิ้ลว่า แอฟใน Play Store มีประมาณ 2 ล้าน และ App Store อีก 2 ล้านรวมเป็น 4 ล้าน 80% ของแอฟไม่เคยถูกโหลด และ 80% ของแอฟที่มีอยู่ในมือถือ นั้นถูกใช้เพียงครั้งเดียวซึ่งโดยปกติ คนไทยจะโหลดแอฟเข้าเครื่องเฉลี่ย 36แอฟต่อมือถือ 1เครื่อง คนไทยเฉลี่ยใช้แอฟทุกวันประมาณ 5 แอฟ เป็น Facebook Line Twitter IG Youtube อุ๋ยหมดแล้วนี่หว่า แล้วพื้นที่แอฟที่เหลือจะไว้ให้ใครอีก
สาเหตุที่ 70%ของธุรกิจค้าปลีก ร้านอาหาร และร้านขายของเฉพาะอย่างหันมามี Mobile App กัน เพราะ Mobile App มันโหลดได้ไวกว่า Mobile Web ยังไม่ต้องพูดถึง Responsive Web ที่ช้ากว่าอีก และโมบายแอฟมันใช้งานง่าย มีเครื่องมือเฉพาะที่ใช้กับมันได้ เช่น แผนที่ Location กล้องบนมือถือ ที่สามารถเชื่อมกับ QR code AR Technology ได้ มี Beacon Techที่ทำให้มันสามารถส่งข่าวสารข้อมูลเฉพาะเข้ามือถือขณะลูกค้าเดินช้อปในห้างร้านหรืออาคารได้ ตัวอย่างในรูป การส่ง SMS ใส่ลิงก์ย่อ ลงไป เมื่อลูกค้าคลิกและมีการติดตั้ง แอฟไปแล้ว ลูกค้าจะถูกพาเข้า Mobile App แอฟเลย แต่ถ้าไม่มีก็ต้องไปโหลดก่อน ที่ App Store หรือ Play store
กว่าเราจะหากันจนเจอะ

ส่วน ลิงก์ Mobile App URI : myapp:/page ซึ่ง page = Home หรือ Register หรือ Booking หรือ Product แล้วแต่หน้า เนื้อหา ซึ่งแนะนำว่าควรให้หน้าในเว็บ สอดคล้องกับหน้าใน Mobile Apps แล้วให้ ลิงก์เชื่อมโยงหากัน หรือ Match กัน(บางที่ก็เรียก Universal Linkและ App Links) ในบ้างครั้งเราอาจจะทำโฆษณา หรือส่ง SMS หรือส่งข้อมูลลิงก์ใน หน้า FB ใส่ ลิงก์ลงไป ถ้าเป็น URL เว็บมันไม่มีปัญหามันลิงก์ไปปลายทางได้ แต่ถ้าเป็น หน้าในของ โมบายแอฟ ที่นี่แหละปัญหาเลย ถ้าเราใส่ Deep link คนไม่มี แอฟเราจะวิ่งเข้าไปหน้านั้นๆไม่ได้ ต้อง โหลดแอฟก่อน ถึงจะเข้าได้ แต่ถ้าเราโหลดแอฟไว้ ก่อนก็จะสามารถเห็นเนื้อหาในแอฟได้ ผ่านเข้าไปใน Deep Link ลองพิมพ์คำว่า twitter:// ใน ซาฟารี หรือ Google App ดูครับถ้าเรามี twiiter App อยู่มันจะพาเราเข้าไปยัง twitter ทันที พบว่ามีเพียง 20-25%เท่านั้น ของTop200 Mobile Apps ที่รู้จักใช้ Deep link Tag
ทำอย่างไรให้เนื้อหาในแอฟหาพบโผล่ในหน้าผลการค้นหา
Search Engine ละรายงานข้อมูลที่อยู่ใน Deep link ของMobile App ไหม เมื่อก่อนไม่เดียวนี่ ใช่ เพียงแต่ เราต้องเอาหน้า Deep Link ที่เป็นปลายทางนั้น มาใส่ รายละเอียดเพิ่ม ที่เรียก Meta Tag หรือที่เรียกกันว่า มาจัดทำข้อมูลว่าหน้านั้นมีเนื้อหาอะไรอยู่ โดยเครื่องมือ แอฟยักษ์ที่สนใจให้เราสร้าง Meta Tag Data ได้ก็มีแต่ค่ายใหญ่ เช่น ใน Twitter ใช้ Twitter cards, ใน FB ใช้ FB App links,ส่วนApple ใช้ Smart App Banner หรือ Google เรียกการจัดทำดัชนี Google App Index(ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Firebase App Index) เพียงเท่านี้ ตัว Deeplinks หน้านั้นๆก็จะมี ข้อมูล และถูกค้นหาพบ ใน ผลการค้นหา ใน Search Engine หรือผล การค้นหาของ Facebook Twitter Apple รายละเอียดที่ว่านี้เช่นชื่อ Scheme ชื่อโฮสต์ เส้นทาง หรือชื่อหน้าข้อมูล และ ID (อย่าง Product ID ) ส่วนค่ายใหญ่ที่ช่วยให้งานเราง่ายขึ้นในการกำหนด URI ลิงก์ใน แอฟมือถือ เป็น Universal Link สำหรับ Deeplink มี branch.io bitly.com appsflyer.com