Digital Marketing 4.0

Digital Marketing  4.0
กลยุทธ์และ ไอเดียใหม่ เพื่อสร้างความภักดีลูกค้าในยุค Marketing5.0

วันพฤหัสบดีที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Business4.0 > Biz3.0 VS Biz4.0 ให้มันรู้จริงเถอะน่า

Biz4.0 VS Biz3.0  Digital สามตัว 



ด้วยความเข้าใจผิด  ด้วยความเคารพ น่ะคร๊าบ


ก็อยากจะบอกว่า ผู้บริหารหลายท่านเข้าใจผิดว่า Biz4.0 หรือ Org4.0 เป็น Digitlal Transformation อย่างเดียว ถ้าผู้บริหารท่านใดคิดแบบนั้น แสดงว่าท่านยังนำความคิดของยุค 3.0 ครับ ความแตกต่างของ องค์ 3.0 กับ 4.0คือ
  • Biz3.0 เน้น Digital Transformation ที่นำเอา Online เข้ามาใช้ พร้อมกับ Internet of things IoT และแยกโลก Offline กับ Online หน่วยงานแยกกัน การทำงานอาจจะไม่เชื่อมกันเป็นหนึ่งเดียว ยังมี Gapระหว่างทีมงาน Offline กับทีม Online ไม่มากก็น้อย ยุคนี้ทีม Digitla หรือ Online จะอยู่ในแผนทำทีม หามาใหม่ จ้างใหม่ เข้ามาเติม หรือ ปรับจากคนเก่าเข้ามา ทีมขายการทำงานค่อนข้างเป็นเกาเหลาชามใหญ่ เรียก Multi Channels:MT TT Ecommerce DropShift Websales Direct Booking Direct Sales Telesales
  • Biz 4.0 เป็น Dual Track ทั้งทำให้ดีทั้ง Online และOffline ไปพร้อมๆกัน ยุคนี้ บริษัทใหญ่เรียนรู้ ออน์ไลน์ เก่งแล้ว และ บริษัทออน์ไลนแบบ Amazon เรียนรู้โลกออฟไลน์ เช่น Amazon Go Offlineมีฐานข้อมูลออน์ไลน์ แบคอัพ ในขณะทีมOnline มีข้อมูลลูกค้า UX ในโลกออฟไลน์แบคอัพ เราเรียก Noline เพราะ ทุกช่องทางสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวแบบไร้รอยตะเข็บ เรียก Omni Channel ที่อาศัย Bigdata ที่เป็นหนึ่งเดียวและ Realtime แทบไม่มีช่องว่างระหว่าง ทีมงานออฟไลน์ ออน์ไลน์เลย สรุป คือ
  1. Dual Track Performance & No line
  2. Omni Channel with Realtime Big Data Support
  3. No Gap & Seamless
  4. Boundless ไม่มี Inbound Outbound แต่เป็นสองทางและ กลุ่มสังคม
#Biz4.0 #Org4.0 #DigitalTransformation #Biz3.0 #Org3.0
Credit ภาพ Biz3.0 by Manuzi

Business4.0 > เรียนท่านผู้นำ

ธุรกิจ 4.0 > คุณเป็นผู้นำแบบใดในยุค 4.0  



คุณเป็นผู้นำแบบใด    เท่าที่ได้สัมผัสกับ ผู้นำธุรกิจ ในธุรกิจลูกข่ายจัดจำหน่าย และบริการ ของลูกค้าผม และ ธุรกิจที่ได้รับการพัฒนาจากหน่วยงานภาครัฐ และ กลุ่มลูกค้าธุรกิจของผม พอจะแยกผู้นำ Leader ในองค์กรธุรกิจ ดังนี้
  1. ยังไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงภายนอกที่จะมีขึ้นอย่างไร และไม่ทราบถึงผลกระทบต่อธุรกิจตนเองที่แน่ชัด เพราะเน้นFocusการเปลี่ยนแปลงภายในธุรกิจเป็นหลักมี ประมาณ 30% กลุ่มผู้นำธุรกิจประเภทนี้จะคิดว่าธุรกิจคือ กระบวนการ ภายใน คุมคุณภาพดีและทักษะคนให้ได้ การเปลี่ยนแปลงภายนอกจะไม่กระทบเขาเท่าไร ถ้าเค้าทำของดี คิดดีมีของดีออกมาต้องขายได้ สิ ควบคุมต้นทุนให้ดีสูญเสียต่ำ ต้องขายได้สิ เป็น แนวคิดแบบญี่ปุ่น หรือมนุษย์ Process คนพวกนี้จะ Focus เรื่อง นวัตกรรม คุณภาพ ลดต้นทุนและการสูญเสียเพื่อให้สินค้าบริการมีราคาต่ำสุด ส่งมอบให้ครบทันเวลา และให้พนักงานมีส่วนร่วมในการปรับปรุงให้ดีขึ้นที่ละเล็กทีละน้อย และการทำ Reengineering แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย มักจะเป็นองค์กรที่เน้นการผลิต และ มีปลายน้ำลูกค้าเป็นบริษัทญี่ปุ่น
  2. ผู้นำที่ทราบถึงการเปลี่ยนแปลง และ รู้แนวทางการเปลี่ยนแปลง แต่พอใจกับการได้พูดคุย ว่ารู้แล้วก็อยู่กับที่ ปากจะบอกว่าได้ยินมาเยอะแล้ว เฉยๆ หรือไม่ก็พอใจกับการพูดคำWording สวยๆ เช่น Blue Ocean เปิดตลาดAEC Thailand4.0 ฉันรู้หมดแล้ว มีประมาณ 30% มักจะพบในกลุ่ม ผู้บริหาร CMLV รวมถึงไทย
  3. ผู้นำที่ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงภายนอกและต้องขับเคลื่อนธุรกิจให้ทันควัน แต่ ปัญหาคือ ผมน่ะรู้แต่ จะทำให้ลูกน้องรู้ ได้อย่างไร ว่าถึงเวลาแล้ว เช่น รอบธุรกิจและการเช็คข้อมูลธุรกิจต้องเป็นแบบทันที Realtime การสื่อสารกับลูกค้าเป็น กลุ่มสังคมและ สองทาง Two-way ช่องทางติดต่อกับลูกค้าจะต้องหลากหลาย ระบบธุรกิจจะเป็น อัตโนมัติ Automation และ Optimization จากแต่เดิมเป็น On-off (ระบบลักปิดลักเปิด) พบในธุรกิจที่มีโครงสร้างแบบมหาชน หรือ Enterprise มีพวกมืออาชีพเยอะ แต่โครงสร้างองค์ใหญ่ มีหลาย BU มีประมาณ 20% ผู้นำกลุ่มนี้เชื่อว่าการขับเคลื่อนธุรกิจต้องเป็นแบบทุกมิติพร้อมๆกัน ผู้นำนี้มักจะมาจากสาย Professional และลงท้ายด้วยการจ้างทีมที่ปรึกษามาเดินชนกัน หลายๆทีม
  4. ผู้นำที่เห็นคู่แข่งมีเครื่องมือต่างๆ และก็สั่งให้ลูกน้อง หาเครื่องมือนั้นมาใช้ให้เร็วที่สุด และก็ติดกับเครื่องมือว่าตนเองได้ใช้เครื่องมือที่ทันสมัยแล้ว Mobile App ฉันต้องมี ระบบ CRM Sale Force Automation GPS ติดตามรถSalesทุกคน Marketing Automation ฉันก็มี พวกนี้พบได้ในองค์กรบริหารแบบฝรั่ง ที่ เน้น Latest Technology & Biz Tools และก็เรียกบริษัท ขาย Biz Gadget มานำเสนอแล้วก็จ้างทำโครงการ ต่างๆ แล้วเรียกมันว่า Strategic Themes 
  5. ผู้นำที่เติบโตมาในยุคหลัง เติบโตอย่างรวดเร็ว องค์กรเป็นองค์กรใหม่และประสบความสำเร็จในการเติบโต เช่นNew economy FIn Tech Online คนพวกนี้ จะ มีความสามารถในการับรู้การเปลี่ยนแปลงและฉกฉวยโอกาสได้อย่างรวดเร็ว และ พร้อมจะลงทุนการ Strategic Move แต่ละก้าวเสมอ และ จะบอกพนักงานตนเองว่า Go or Die พวกนี้มักจะก้าวกระโดดในการโตแบบ สองเท่าเกือบทุกปี ยกต้วอย่างบางที่คุยกับผม สัปดาห์นี้ สัปดาห์หน้า แนะนำผมว่านี่ครับ ทีมการตลาด ดิจิตอลใหม่ของผม ซึ่งพึ่งrecruitใหม่ๆมาดๆมา5 คน ทีมนี้ผม จะให้ฝึกให้เก่งใน3เดือน และนำพาพวกเข้าไป ขับเคลื่อนธุรกิจคู่กับ การตลาด offline Marketing แม่เจ้าว่องไวปานกามนิตหนุ่ม อีกบริษัทผมทำ ตารางการตรวจสอบ KPI ธุรกิจเสร็จ ในเดือนถัดมา พบ Programerใหม่ มา นั่งสุ่มหัว6 คนฉีกตารางที่ผมเชียนให้ออกมาทำโปรแกรม และสร้างModel การทำตลาดและ Analytics Dashboard อีกบริษัทที่ยิ่งใหญ่และเป็น Giant Learn to Dance จากโฆษณาทางทีวี และ ใช้งบแบบบ้าคลั่ง ที่ฝ่ายตลาดตอบได้เพียงว่าได้ Awareness เท่าไร และก็ยอดขายปลายทาง มาเป็นการใช้งบ ออน์ไลน์ ที่สามารถเห็นตลอดเส้นทาง Customer Journeyได้ว่า คนเห็นกี่คน กี่ครั้ง เข้าถึงเท่าไร และ คลิกไป หน้า เพจ หน้า Landingเท่าไร Conversion เท่าไร เก็บฐานข้อมูลคนสนใจได้เท่าไร มาเยี่ยมหน้าร้านเท่าไร เกิดการซื้อเท่าไร และ มี LTV Lifetime Value ของลูกค้าเท่าไร นำไป Match กับ ฐานข้อมูล Big Data ทำ Customer Matchเพื่อขยายผล มีเท่าไร สรุปบริษัทกลุ่มหลังนี้ จะมีกระสุนยิงออกมาตลอดแล้วดูว่าโดนเป้าหรือไม่ และพวกเค้าเปลี่ยนทุกอย่างจากระบบ Manual เป็น Marketing Automation โดยใช้ Chatbot AI (Artificial Intelligence) ในการชับเคลื่อนตั้งAlgorithm และหาเครื่องมือช่วย เชื่อม โลก ออนไลน์ ออฟไลน์ ด้วยเทคโนโลยี่ AR และ Google 360 ความสำคัญเค้าจะอยู่ที่การ Integrate ระบบธุรกิจต่างๆเข้าหากันเป็นเนื้อเดียว

Business4.0 > Content Marketing4.0


Business 4.0 > การตลาด 4.0 หลายคนทำได้ น้อยคนทำเป็น



เมื่อก่อน เวลาเราดูหนังโฆษณา ผมจะพอบอกได้ว่า หนังโฆษณาทีวีเรื่องนี้ TVC นี้น่าจะต้องได้รับรางวัล และยุคนั้นเรามันก็พวก Single Minded School ก็คือโฆษณา MARCOM จะบอกขายอะไรเอาให้มันแน่ๆ เบนซ์ หรูหรา BMW Performance Toyota คุ้มค่า Land&Houseขาย ระบบFunction ครบครัน แสนสิริ ตอบโจทย์Lifestyle พฤกษา บ้านราคาย่อมเยาว์ แต่นั้นมันแนวคิดของยุค JackTrout หรือยุคทองของAD&PR แต่ตอนนี้ก็ยังมีนักการตลาดหลายคนที่คิดว่า เอาแนวคิดนั้นๆมาบริหาร #การตลาดยุค4.0 อยู่ ซึ่งเป็นยุคของ การสื่อสาร แบบ สังคม แชร์ และ สองทาง ผมบอกได้เลย คนที่เก่งที่สุด มีโอกาสเดาถูก 1ใน 4 อย่างดีที่สุด เช่นคุณจะออกกิจกรรมตลาดไป คุณจะต้องมีหลายทางเลือก ให้ลูกค้า

  1. Target 4.0 คุณจะเลือกกลุ่มลูกค้ากลุ่มใด  เช่น กลุ่มที่เป็นลูกค้าคุณ ที่คุณทำ  Customer Match กับ ฐานข้อมูล Big Data  แล้วสั่ง Lookalike หรือ  Similar Audience        หรือกลุ่มที่เคย Engagement กับคุณผ่านโซเชียลมีเดียเช่น ดูวีดีโอหน้าสดคุณ  หรือ เคยคลิกไลท์   สั่ง Lookalike    หรือกลุ่ม  เป้าหมายลูกค้าคุณ ที่มีความชอบ  ไลฟสไตล์ต่างๆ  รวมถึง ก กลุ่มไหนเป็นตัวชงเรื่อง เช่น Blogger  Net Idol   กลุ่มไหนเป็นกลุ่มกล้าเสี่ยงหรือ Trend Setter  กลุ่มไหนเป็นป้าซุ่มทุ่มไม่อั้น  สายPay    ลูกค้าที่คุณจะเจาะจงสื่อสารไป     กลุ่มที่คุณไม่อยากเข้าถึงต้องดึงออกจากฐานรับข่าวสาร
  2. Creative Theme เป็นแบบ Multi Ideas เช่นถ้าคุณจะขายยาลดความอ้วนคุณจะขายอะไร เช่น แดกเท่าไรก็ไม่อ้วน ลดพุงหนาแตงโม หรือ สร้างกล้ามเนื้อท้อง Six pack หรือ ขายดีเว้ยเฮ้ย หรือสำหรับคนดื้อยา หรือ กระแสดารา หรือ ผอมโดยไม่ต้องรีดเหงือ ถ้าเป็นผู้บริหารยุคแรกก็ต้อง เลือกตัวเดียว แต่ มันไม่อย่างงั้นสิครับ เพราะนี่มันยุคสี่ #Marketing4.0 คุณต้องลองอย่าทำเป็นเก่งอาศัยประสบการณ์ มันจะถูกเทเอาง่ายๆ ทำไมเราถึงพูดถึงการBomb Ad เพราะเราวัดผลได้อย่าง ทันควันเมื่อเรายิงกระสุนเราจะรู้ว่ากระสุนไหนโดนเป้า เมื่อเปิดแผลได้แล้วจะขยายผลต่ออย่างไร ทั้งเกมส์ Native Content และ Ad Content  ไม่ใช่นกเอี้ยง นกขุนทอง ให้คนจำแอดเราได้อย่างเดียว 
  3. Marketing Tools เครื่องมือที่คุณจะเลือกเข้าถึงลูกค้า Placement จะใช้อะไร มือถือ VS Desktop ระบบปฏิบัติการไหนเวิร์คไม่เวิร์ค Formจะเป็น VDO VS ภาพนิ่ง VS Carousel VS Canvas VS Slide show VS ภาพเคลื่อนไหว กิฟไฟล์ บางครั้ง Carousel ก็ดีมาก Canvas ก็ให้ผลดีบางกรณี คนที่ว่ารู้ดี ก็อาจเป็นเด็กไปเลยถ้าผลลัพธ์ออกมา ทุกอย่าง มันจะบอกเราเองว่าอะไรเวิร์ค ไม่เวิร์ค วิดีโอความยาวกี่วิ เวิร์ค เมื่อก่อนยิ่งยาวยิ่งดี เกิน 2 นาที แล้วก็มาเป็น 30 วิ ปัจจุบัน 15 วิ ล่าสุด FB เปลี่ยน Algorithm ใหม่อีก บอกว่าคนดูแค่3 วิ เราคิดเงินท่านแล้ว ส่วน Youtube ปกติ 30 วิคิดเงิน ก็มีแบบแช่15 วิ ในPrime Pack หรือ 7.5 วิ Bumper นี่ครับ ยุค 4.0 คุณต้อง Dynamic พอที่จะปรับเปลี่ยน คนได้เปรียบคือคนที่ใช้เงินและเรียนรู้ ไม่ใช่อ่านแต่ตำรา ผมอยากบอกคุณว่าของฟรีและสูตรสำเร็จในยุค สี่ไม่มีครับถ้ามีคือ ต้องแยกให้ออกระหว่าง ทำได้กับ ทำเป็น และ ได้ทำ กับ ได้ผลถ้าคุณแยกไม่ได้ พบนก 
  4. Sales Channel ช่องทางขาย จะเลือกหลายช่องทาง ทั้ง ผ่านออน์ไลน์ ผ่านระบบตระกร้า ผ่าน Messenger ผ่าน Line ผ่าน Live Chat ผ่าน Telemarketing ผ่านหน้าร้าน ทุกมิติครับ และการชำระเงิน Payment Gateway ก็มีให้เลือกอีกหลากหลาย Credit card Paypal โอนเงิน พกง. Fin Tech สำคัญคือต้องจัดสัดส่วนให้ดี ลูกค้าผมรายหนึ่งเมื่อก่อนขายแต่หน้าร้าน คุณจะซื้อต้องไปหน้าร้าน จากนั้นก็เปิดเอเยนต์ขายให้ตามจังหวัดต่างๆ จากนั้นก็เป็น Call Center ให้จองผ่านโทรศัพท์ได้ แล้วก็เปิด Booking Engine จองผ่านระบบตะกร้าจอง แล้วก็ให้จองแบบ Non Voice คือผ่าน ไลน์ FB Inbox หรือ Messenger ตอนนี้ยอดขายแบบไม่ผ่านหน้าร้านตัวเองประมาณ 40% นี่คือการพัฒนาครับ ไม่ใช่จะนิ่งอยู่กับที่ รัดเข็มขัดท่าเดียว ขายหน้าร้านไม่ดี ลดสต๊อคสิครับ บ้าแล้ว บางคนมองทุกอย่างเป็นเส้นตรง เราเรียกมนุษย์ process แต่ยุคนี้มันคือ Multi และ Dynamic สำคัญคือคุณ Integrate มันได้หรือเปล่า ให้มันเป็นเนื้อเดียวกัน และ รู้แบบทันควัน ไม่ใช่ฝันเอา อ้อรูปเครดิตจากนักถ่ายภาพ เพื่อนผมครับ ขอขอบคุณภาพบรรยาย

Business4.0 > อย่าเอาหัวซุกดินแล้วคิดว่าตนเองปลอดภัย

Business 4.0 >เปลี่ยนโมเดลธุรกิจ มันจะเป็นแบบ มึนมึน   หน่อย มึง




มันจะแบบมึนๆหน่อยน่ะ การปรับตัวของ ธุรกิจ และ ตลาด ในวันนี้ มันอาจสับสน วุ่นวาย จากความคุ้นเคยของ ผู้บริหาร ที่เคยประสบความสำเร็จในอดีต ต้องยอมรับว่าเกิดอาการมึน
  1. เราอาจจะคุ้นเคยกับความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดี แบรนด์ที่มีภาพลักษณ์ที่คนต้องการ โดยไม่ใส่ใจ ผู้ซื้อ อาศัยว่าของเราดีคนต้องมาซื้อ เมื่อลูกค้าเริ่มไม่ซื้อ ก็เริ่มบอกว่า ของดีๆ ทำไม คนไม่ซื้อว่ะผู้บริหารยุคนี้ ก็ยังคงหลงไหลตกหลุมรักกับผลิตภัณฑ์ตนเอง และการออกแบบ สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ 
  2. มนุษย์ Process เราต้องทำให้ได้มาตรฐาน เฮ้ยเรามาหา How to วิธีการใหม่ๆ ปรับปรุง ให้ดีขึ้น เปลี่ยนแปลงเถอะเรา หา Tools ใหม่ๆ แล้วก็ยึดติดที่ เครื่องมือ ISO Kaizen SOP Lean Online biz Thailand 4.0 Mobile Apps Live VDO คนอื่นเค้าทำกัน เราต้องไม่ตกเทรนด์ มา เสพติดเครื่องมือกัน ทำนองว่าได้ทำแต่ไม่ได้ผลก็ไม่เป็นไร อ้ายเครื่องมือการจัดการทั้งหลายนี่ มันไม่ใช่ ยาครอบจักรวาลน่ะครับ 
  3. บางท่านที่โตมาจากการวิจัยลูกค้า และ หาความต้องการลูกค้า CRM SERVICE แล้วเอาค่าเฉลี่ยมาจูนปรับแต่ง ธุรกิจ เน้นว่าค่าเฉลี่ย Means Median Frequency Top Most แล้วเอา ตัวนั้นและมาตัดสินใจ เพื่อเอาใจลูกค้าส่วนใหญ่ หรือลูกค้าขาใหญ่กำไรโต สินค้าที่เอามาขาย ก็เอาที่ขายดีที่สุด สองตัว ลูกค้าก็เอาลูกค้ารายใหญ่ กับขาประจำเสีย รายอื่นๆ ก็ ปล่อยๆกันไป 
  • ผู้บริหารที่ รู้ว่า ทุกอย่าง Dynamic ขึ้นกับสถานการณ์ ลูกค้าเปลี่ยนจากเชื่อใน โฆษณา มาเป็นเชื่อในประสบการณ์การใช้ของตัวเอง เปลี่ยนมาสู่การเชื่อญาติมิตร และสังคมใกล้ชิดมากกว่าเชื่อ แบรนด์ รู้มากกว่าคนขายเพราะคนขายรู้แต่สินค้าตนเอง แต่อาจไม่รู้ซึ้งของคู่แข่ง เพราะวิเคราะห์คู่แข่งแล้วก็ยังเผลอไปเข้าข้างตัวเองอยู่ ผู้บริหารยุคใหม่นี้มีอะไรคล้ายๆกันตามที่ผมสัมผัส มี  
    • ความเชื่อว่า อุปสงค์ ความต้องการลูกค้าหลากหลายแบบ longtail 
    • การออกแบบผลิตภัณฑ์และชุดผลิตภัณฑ์ลูกค้าขอมีเอี่ยว วิจารณ์ออกแบบ นี่คือ                 ประกาศิต ที่เราต้องทำตาม ใจแต่ละคนที่ละคนแตกต่างกันCustomized&Personalized
    • Dynamic Price ตามที่ลูกค้าต้องการ บางคนยินดีจ่ายแพง แต่มีพ่วงโน้นนี่นั่น และเอาด่วน บางคนขอจ่ายถูกและเอาเปลือกออกให้หมดเหลือแต่ตัวร่อนจ่อน ราคาถูกๆน่ะจ๊ะ หรือจ่าย   ก่อนจองก่อนPreorder ก็ถูกสุดๆ พวกมาช้าใกล้ตกขบวน พอถึงเวลาแล้วก็จ่ายแพงน่ะอย่าง พวก Low cost
    • การรับข่าวสารการตลาด ลูกค้าขอแสดงความเห็นหน่อยน่ะ ขอถามขอเสนอ ขอติ ขอว่า       ขอชม เป็น Two-way
    • Omni Channel เช่นเห็น โฆษณาทางทีวี ขณะทานข้าว ก็ ค้นหาผลิตภัณฑ์ในเน็ตเลย พบข้อมูลสนใจ มาลองสินค้าที่ร้าน แล้วกลับไปสั่งซื้อผ่าน ออนไลน์ เพราะมีลดราคา และส่งถึงบ้านก็มันขี้เกียจแบกฮะ เวลาของเสีย ก็มารับบริการซ่อมหน้าร้าน
    ท่านจะเป็นผู้บริหารยุคไหน ก็ไม่สำคัญเท่ากับการรู้เท่าทัน ไม่เฉพาะตัวเราเท่านั้น แต่ทำอย่างไรให้คนในองค์กรที่เดินตามหลังเรารู้เท่าทัน และปรับ ให้ทันตรงนี้สำคัญกว่า ลูกค้าผมส่วนใหญ่ตอนนี้ก็รู้เท่าทันครับแต่ ทำอย่างไรให้ทีมงาน รู้และขับเคลื่อนไปพร้อมๆกัน นี่มันยากๆ มึนๆ อยู่
ยกเว้น ธุรกิจใหม่ๆ ที่ผู้บริหารมีแนวคิดที่ไวมากๆ เค้าคิดแต่ว่ายิงก่อนแล้วดูว่าถูกเป้าไหม ค่อยปรับศูนย์ยิงใหม่ ได้ยินแต่คำว่าอยากได้อยากได้ ทำอย่างงัยครับ พรุ่งนี้เดินเครื่องได้เลยไหม บริษัทพวกนี้เค้าก็แปลกน่ะ โต แบบ สองเท่ากันได้ทุกๆปีมา3 ปีแล้วครับ แต่พวกธุรกิจเดิมๆ ที่ตั้งมานาน แล้วสิครับมันต้องต่อสู้กับความเคยชิน และวัฒนธรรม ช้าๆได้พร้าเล่มงาม ความคิดที่ชอบอยู่ใน ขอบเขตที่ตัวเองคิดว่าปลอดภัยไว้ก่อน Comfort Zone เตรียมตัว...ระวัง...เล็ง...ยิง

Business4.0>Disruption

Business ธุรกิจ4.0 > Disruption

คำแนะนำจากเพื่อนซี้ ต่างชาติ


เมื่อเร็วๆนี้ผมได้มีโอกาสพบปะเพื่อนเก่าชาวสิงค์โปร์ที่ทำธุรกิจที่ปรึกษา และธุรกิจหลายอย่างในเมืองไทย และในสิงค์โปร  เราคุยกันเรื่อง Change ว่าการเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจปัจจุบันมันรวดเร็วมาก หากเราเปลี่ยนไม่ทัน หมายถึงตัวเราและธุรกิจลูกน้องเรา  ปรับเปลี่ยนให้หมุนตามลูกค้า และตลาดให้ทันโดยเฉพาะ โลกธุรกิจ4.0   เพื่อนผมโชคดีที่ได้ทีมที่ปรึกษาที่ดี  และในสิงค์โปรภาครัฐเองก็สนับสนุน ร่วมกับสถาบันบ่มเพาะต่างๆ  กับธุรกิจ Start-up  สิ่งที่เค้าได้เรียนรู้คือ

  1. Disruption Opportunities โอกาสเปิดและปิดเร็วมาก แบบ Disruption หากฉกฉวยโอกาสไม่ทัน Strategic Window ปิดเร็ว มัวงุ่มงาม เสร็จ  ต้องเลือกให้ไวตัดสินใจให้เร็วและกล้าเสี่ยง ท้าทายมากกว่าเดิม 
  2.  ต้องรู้ว่าเราเก่งอะไร และเลือ โอกาสให้เหมาะกับความเก่งของเรา ธุรกิจเรา ลูกน้องเรา
  3. มี 16 กลยุทธ์ให้เลือกในการฉกฉวยโอกาส  ขึ้นกัน ความ เก่ง   Agressive  และ การบริหารขับเคลื่อนตามกลยุทธ์ที่วางไว้ 
  4. วางเป้าหมายเชิงตัวเลขที่จะไปตอบโจทย์ทางการเงิน เช่นผลตอบแทน  กำไร อัตราการเติบโตของกำไร   ยอดขาย  อัตราการเติบโตของยอดขาย  
  5. เราขับเคลื่อนทุกอย่างคนเดียวไม่ได้ต้องอาศัยพันธมิตร ในการช่วยขับเคลื่อน  ทั้ง พันธมิตรแนวดิ่ง เช่นซัพพลายเออร์เรา  เอเยนต์เรา Vertiacl Partner  และ  พันธมิตรแนวราบ Horizontal  Partner  ซึ่งก็คือคู่แข่งอย่างเช่น ชมรม  สมาคมธุรกิจ   การร่วมลงขัน และ  Consortium   ซึ่งมิได้จำกัดแค่ในประเทศแต่เป็นต่างประเทศ โดยเฉพาะ ASEAN 
My good old friend from Singapore discussed with me on Business Disruption . Don't change at your own risk. Need to change ,not easy as well. We both agree upon ,cheer. He got the good consulting team from Singapore to formulate and facilitate start-up biz. He share his key learning.
1.Disruption opportunity. move faster to take the most attractive one.
2.Fit with your biz competencies
3.16 strategic choices to conduct
4.financial requirements
5.Last but not least networking&partners.
hostgator coupon