Marketing guru > Marketing 5.0 in the Disruption Age
การตลาดในยุค 5.0 เป็นยุคที่ ใช้ Machine Learning เข้ามาเรียนรู้การทำตลาด แทนคน โดยมี Algorithm ที่ว่า คือ
Content Marketing
การทำตลาดในกลุ่มเป้าหมาย ต่างๆกัน ภายใต้ งบประมาณที่กำหนด และ ต้นทุนต่อผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น ต้นทุนต่อยอดขาย Convesion CPA Return on Advertising Spending ROAS เครื่องจะทำการยิงโฆษณาหมาหมู่ หรือโฆษณากลุ่ม ซึ่งมีทั้งภาพ วิดีโอ หรือ Headline ที่แตกต่างกัน ไปยังกลุ่มเป้าหมายคนดูที่หลากหลายแล้ววัดผล ว่า อันไหนเวิร์ค โดยเครื่องจักรโฆษณามันจะเรียนรู้ ต่อยอดไปเรื่อยๆจนมันเก่ง และรู้ว่าโฆษณาตัวไหนเวิร์คกับลูกค้ากลุ่มไหน ที่ยิงแล้วเป็นโดน ในขณะที่ต้นทุนต่ำสุด ของผมตอนนี้ก็มีต้นทุนต่ำกว่าคู่แข่งประมาณ 5 เท่า ทำให้มีความได้เปรียบในการทำตลาดมหาศาล คนอ่อนแอก็แพ้ไป ไม่มีอะไรมาก
Internet of Things
ที่มีการเชื่อมต่ออุปกรณ์ในบ้าน ในโรงงงาน ออฟฟิตสำนักงาน กับ ศูนย์กลางการสื่อสารในบ้าน ออฟฟิต ผ่าน Digital Personal Assitance อย่าง Google Home Alexa ทำให้เครื่องแต่ละตัวสามารถสื่อสารกันเองได้แบบ M2M Machine to Machine ซึ่งจะมีข้อมูลที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมการมใช้ ของเรา ของคนรอบข้างเรา ข้อมูลเหล่านี้จะถูกเก็บไว้ใน Big Data ดั้งนั้นข้อมูลบางอย่างจะเป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์ และ ทำ Algorithm แนะนำ เรา เช่นถึงเวลาเติมเต็ม ของใช้ ในบ้าน ในตู้เย็น เปลี่ยนอุปกรณ์ไส้ในของมัน หรือ การอัพเดท Firmware อัตโนมัติ ลองนึกว่าเครื่องเหล่านี้ใน โรงงานแบบ Industry4.0 มันจะเชื่อมต่อกันเป็นProcess มีข้อมูลวิ่งเข้าหากัน แบบไร้รอยตะเข็บ และรู้ว่าขบวนการผลิตมีปัญหาไหมหรือกำลังเกิดปัญหาไหม ต้องพักเครื่องไหม เพื่อเปลี่ยนอะไหล่ การควบคุมกลไกการทำงานแต่ละเครื่องในไลน์จะสอดประสานกันคุยกันเอง . ส่วนในบ้านหรือที่สำนักงานการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้เราทำให้ เครื่องเข้าใจเรา ผ่าน Machine Learning มันจะวิเคราะห์ความต้องการผู้ใช้ และเสนอแนะ เรา ในยุค หน้าคนจะไม่ได้เชื่อ Social Commnunity อีกแล้ว แต่จะเชื่้อส่ิงที่เครื่องมันบอกหรือแนะนำ Machine Suggestion ที่มันเรียนรู้พฤติกรรมและความต้องการของเรา ลองสังเกต เวลาเราพิมพ์คำค้นหาในกูเกิ้ลมันจะเสนอหน้าคำค้นให้เรา เราดูหนังในยูทูปมันกะจะเสนอหน้าแนะนำหนังหรือเพลงที่เราน่าจะชอบ เราซื้อของในลาซาด้ามันก็จะแนะนำสินค้าที่เราน่าจะสนใจซื้อ ปัญหาคือคุณเข้าใจเรื่องนี้แค่ไหนนำไปสู่เรื่องที่ 3
Big Data Analytics
ข้อมูลวิ่งในระบบ IoT นั้น มีมากมาย มหาศาล เครื่องมันจะเรียนรู้หาความสัมพันธ์ข้อมูล เชิงพฤติกรรม และทำนายพฤติกรรมเรา ความต้องการของเรา และปรับ การนำเสนอ ข้อแนะนำ รวมถึงปรับแต่งเครื่อง ให้เหมาะกับเราเช่น เราชอบลุกมาหรี่แอร์ตอนตี สี่ หลังจากเครื่องปรับอากาศมันจับพฤติกรรมเราได้ว่าเราหนาวไปตอนตีสี่ มันก็จะมีระบบปรับปรุงตัวมัน ให้มีอุณหภูมิสูงขึ้น ตอนใกล้รุ่ง หรือ เราใช้ข้อมูลที่เป็น เสียง ภาพ หรือ วิดีโอมากกว่ากัน มันก็จะปรับ แพ็คเกจนำเสนอเราให้ตรงกับการใช้งานของเรา ในราคาที่ถูกที่สุด ที่เรียก Optimization สิ่งที่สำคัญคือเครื่องมันจะเรียนรู้ Pattern Recognition ของ user การวิเคราะห์ข้อมูล จะมีการใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาใช้ ทั้งในระดับ Machine Learningที่เราต้องป้อนสมการหรือ Algorithm ให้มัน กับ Deep Learning ที่เครื่องมันเรียนรู้ด้วยตัวมันเอง อาศัย Algorithm ที่เรียนแบบ ระบบประสาทสมอง Neuron Network ที่มาใช้ในการ แยกแยะ จำแนก ภาพ เสียง และ ภาษามนุษย์ NLP Natural Langauage Programing อย่างพวก AI Chatbot ที่มันจะรู้ความต้องการของผู้สอบถาม จากการเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ จนมันรู้ว่าตอบแบบดี ok ลูกค้ามีอารมณ์ดี มันจะจำหน้าคนได้ว่าถ้ายิ้ม และพูดแบบนี้แสดงว่าลูกค้าพอใจแล้ว ทั้ง ระบบภาพและเสียง Visual & Voice Recognition หุ่นยนต์ดิจิตอลพวกนี้แหละ จะมาให้บริการเรา ในธนาคาร Call Center และทำงานซ้ำซากแทนคน ในไลน์การผลิต ข้อมูลที่ไหลลื่นเหล่านี้ เป็น Realtime เป็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมเช่น อุณหภูมิ ความชื้น ในโรงเพาะเลี้ยง และจาก Sensor ก็จะมีการปรับ อุณหภูมิ การพ่นน้ำ อัตโนมัติ และก็จะมีข้อมูลที่เป็นความลับเฉพาะ หรือข้อมูลการโอนผ่านบัญชีของสภาวะเงินดิจิตอล ซึ่งต้องไหลผ่าน Blockchain
Blockchain
ข้อมูลที่สำคัญและเป็นความลับจะไหลผ่านระบบ บล้อคเชน ซึ่งมีการเข้ารหัสถอดรหัส เป็นห่วงโซ่และแชร์ข้อมูล เข้ารหัส ผ่านระบบ Cryptography ไปสู่Peer-to-Peer เพื่อให้ยากแก่การแก้ไข ส่วน ข้อมูลที่ไม่ใช่ความลับและเป็นเรียลไทม์ จะวิ่งOff Chain เช่นผ่าน Smart Oracle แต่ข้อมูลที่สำคัญและเป็นความลับจะวิ่งผ่าน บล๊อคเชน โปรโตคอล Etherium การใช้งาน ข้อมูลพวกนี้ รวมถึง Digital Currency หรือ . Crypto Currency ในอนาคต สินค้าและบริการทุกชนิดจะถูกแปลงเป็นหน่วย Cryptocurrency ผ่านขบวนการ Tokenization รวมถึงเครดิตต่างๆ คาร์บอนเครดิต Personal Reputation จะแปลงเป็นหน่วย คริบโตหมด และสามารถโอนถ่ายซื้อขายกันได้ ในตลาด ผ่านระบบ Web3.0 และแอปพลิเคชั่น แบบ DAPPS ซึ่งวิ่งบนมือถือ และคอมพิวเตอร์ของเราปกติโดนที่เราไม่รู้เบื้องหลังการทำงานของมันเลย รถขับเคลื่อนเอง ของคนที่มี หน่วย Tokenization แล้วมีมูลค่าหัวสูง จะไม่ต้องรอรถติด รถที่มูลค่าต่ำกว่าต้องจอดรอหรือหลีกทางให้ เช่นเดียวกับการเข้าคิว ใครมีมูลค่าสูงก็เข้า Fasttrack Service เหมือนบัตร WISDOM อะไรประมาณนั้น
เป็นงัยบ้างครับพึ่งเป็นปฐมบทของการตลาด 5.0 ที่จะมาเปลี่ยนโลก และธุรกิจเรา หากใครปรับไม่ทัน ก็คงไม่มีเวทีให้ยืน ในอนาคต เป็นเรื่องที่มาเร็วมาแรง เกินตั้งตัวได้ทันครับ ผมจะค่อยๆชำแหละให้รู้กันเป็นตอนๆครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น